สถานการณ์การสู้รบในยูเครนยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด ล่าสุด มีรายงานว่าเกิดการสู้รบบนถนนในเมืองมารีอูปอล เมืองท่ายุทธศาสตร์ทางตอนใต้ของยูเครน ส่งผลให้การภารกิจช่วยเหลือพลเรือนใต้ซากปรักหักพังของโรงละครหยุดชะงักงัน และคาดว่ายังมีผู้คนติดอยู่ภายในอีกราว 1,300 คน ซึ่งภาพถ่ายทางดาวเทียมล่าสุดจากบริษัท Maxar Technologies เผยให้เห็นถึงความเสียหายของโรงละครในเมืองมารีอูปอล ซึ่งทางการยูเครนอ้างว่าถูกกองทัพรัสเซียถล่มเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา
กองทัพทหารรัสเซีย รุกคืบถึงใจกลางเมืองมาริอูปอลแล้ว
ใครคืออาชญากรสงคราม? ประธานาธิบดีปูตินมีโอกาสเจอลงโทษแค่ไหน
นายกเทศมนตรีเมืองมารีอูปอล เปิดเผยว่า ความพยายามในการช่วยเหลือพลเรือนหลายร้อยคนซึ่งติดอยู่ในห้องใต้ดินของโรงละครถูกขัดขวางจากการสู้รบอย่างดุเดือดตามท้องถนนใจกลางเมือง หลังกองกำลังรัสเซียกระชับวงล้อม ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าเคลียร์ซากปรักหักพังของอาคารได้เฉพาะในช่วงที่การยิงตอบโต้สงบลงเท่านั้น
เบื้องต้น ยังไม่สามารถระบุข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลขผู้รอดชีวิต แต่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า มีผู้ได้รับการช่วยเหลือออกมาแล้ว 130 คน บาดเจ็บสาหัส 1 คน ส่วนอีกราว 1,300 คน ยังติดอยู่ด้านใน สถานการณ์การสู้รบยังคงเลวร้ายขึ้นเรื่อย ๆ มีรายงานว่ายังคงมีประชาชนติดค้างอยู่ในเมืองราว 3 แสนคน และผู้คนกำลังเผชิญกับปัญหาไม่มีน้ำและไฟฟ้าใช้ ขณะที่เสบียงอาหารเริ่มหมด
ณ ตอนนี้เป็นเวลาล่วงเลยมาหลายสัปดาห์ หลังกองทัพรัสเซียพยายามเข้ายึดครองเมืองมารีอูปอล ประชาชนเผชิญกับการขาดแคลนอาหาร ขณะที่ร้านค้าต่างๆปิดตัว หลายคนไม่มีทางเลือก ต้องขโมยอาหารเพื่อประทังชีวิต
สำนักข่าว CNN รายงานอ้างอิงจาก ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ชาติอาซอฟของยูเครนที่ประจำการอยู่ในเมืองมาริอูปอล ว่า ขณะนี้ในเมืองมารีอูปอลถูกทิ้งระเบิดโจมตีอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน บางครั้งเงียบหายไป 30 นาที แต่เมืองนี้ก็ถูกโจมตีอีกจากรถถัง ปืนใหญ่ และขีปนาวุธ และเครื่องบิน
ล่าสุดสภาพบ้านเมืองของมารีอูปอลพังเสียหายยับเยิน พบศพพลเรือนจำนวนมากกระจัดกระจายไปตามท้องถนน และข้างอะพาร์ตเมนต์ และไม่มีใครกล้าไปเก็บ จนถึงตอนนี้มีประชาชนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถหลบหนีออกมาจากเมืองได้
ส่วนเมือง มิกโคลาอีฟ (Mykolaiv) ทางตอนใต้ของยูเครน ถูกกองกำลังรัสเซียโจมตีทางอากาศตลอดทั้งวันเช่นเดียวกัน มีรายงานว่ากองทัพรัสเซียยิงขีปนาวุธ 3 ลูก ใส่ฐานทัพในพื้นที่ ซึ่งมีทหารยูเครนราว 200 นายกำลังนอนหลับ
เบื้องต้น มีรายงานว่าพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 คน และผู้บาดเจ็บ 57 คน ขณะที่ทางการยูเครนกำลังพยายามอย่างหนักในการช่วยชีวิตเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายออกมาจากซากปรักหักพัง กองทัพยูเครนอ้างว่า นับแต่รัสเซียส่งทหารเข้ามาในยูเครนได้สังหารทหารรัสเซียไปแล้ว 14,400 นาย ทำลายอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียเช่น ยานยนต์หุ้มเกราะ 1,470 คัน รถถัง 60 คัน รวมถึงเครื่องบินรบและเฮลิคอปเตอร์กว่า 100 ลำ
ส่วนความเคลื่อนไหวของฝั่งรัสเซีย กระทรวงกลาโหมรัสเซียอ้างว่า หน่วยป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียได้สกัดขีปนาวุธลูกหนึ่งได้ ในเมืองเมลิโทโปล (Melitopol) ทางตอนใต้ของยูเครน พร้อมชี้ว่าขีปนาวุธดังกล่าวมาจากกลุ่มชาตินิยมยูเครนที่มุ่งเป้ายิงใส่ย่านที่อยู่อาศัยของเมืองดังกล่าว และอ้างว่ากองกำลังรัสเซียได้จัดการขีปนาวุธลูกนั้นเพื่อปกป้องพลเรือนในพื้นที่แล้ว
ขณะที่เมื่อวานนี้โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระบุว่า รัสเซียได้ทำลายคลังอาวุธใต้ดินในเมืองอิวาโน-ฟรานคิฟสค์ (Ivano-Frankivsk)ด้วยระบบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง "คินชัล" (Kinzhal) โดยอ้างว่าคลังอาวุธดังกล่าวเป็นที่เก็บขีปนาวุธ และกระสุนเครื่องบินของทหารยูเคร
สำนักข่าว เรีย โนวอสตี (RIA Novosti) ของทางการรัสเซีย ระบุว่า นี่เป็นครั้งแรกที่รัสเซียใช้ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงคินชัล ระหว่างปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน
ส่วนอังกฤษ กระทรวงกลาโหมอังกฤษ เผยข้อมูลข่าวกรองชุดใหม่ โดยชี้ว่าจนถึงตอนนี้ รัฐบาลรัสเซียล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายหลักของการส่งทหารบุกยูเครน ส่งผลให้ตอนนี้ กองทัพรัสเซียจำเป็นต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่ โดยใช้ปฏิบัติการทางทหารบั่นทอนกำลังของฝ่ายตรงข้ามอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จนกระทั่งฝ่ายตรงข้ามเข้าสู่วิกฤตด้านกำลังพล ยุทธปัจจัย และด้านเศรษฐกิจ จนต้องยอมแพ้ไปเอง
อย่างไรก็ตามยุทธศาสตร์นี้ อาจทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตมากขึ้น เพราะกองทัพรัสเซียอาจใช้การโจมตีทางอากาศแบบไม่เลือกหน้า จากเดิมที่เน้นการโจมตีโครงสร้างทางทหารเพียงอย่างเดียว