ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิดและการโจมตีในภูมิภาค “ทรานส์นิสเทรีย (Transnistria / Transdniester)” ของประเทศมอลโดวา ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านทางตะวันตกของยูเครน ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ไปในทางร้ายว่า นี่อาจกลายเป็นอีกหนึ่ง “ข้ออ้าง” ที่รัสเซียอาจใช้ในการรุกรานยูเครนฝั่งตะวันตก
โดยเมื่อวันจันทร์ (25 เม.ย.) เกิดเหตุระเบิดที่สำนักงานใหญ่ด้านความมั่นคงของรัฐในเมืองติราสโปล ส่วนในวันอังคาร (26 เม.ย.) เกิดเหตุระเบิด 2 ครั้งที่หมู่บ้านไมแอ็ก เขตกริโกริโอโปล ทำให้เกิดความเสียหาย
รัสเซียหยุดส่งก๊าซให้โปแลนด์-บัลแกเรียแล้ว หลังไม่ซื้อก๊าซด้วยเงินรูเบิล
สหรัฐฯ ประกาศ ส่งอาวุธช่วยยูเครนรบรัสเซีย อย่างไม่มีจำกัด
เมืองหลวงยูเครนฟื้นตัวบางส่วน หลังรัสเซียย้ายไปโจมตีดอนบาส
ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ และไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในมอลโดวา
ขณะที่กระทรวงกลาโหมยูเครนเรียกเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เป็น “แผนปลุกปั่นของรัสเซีย” ขณะที่ประธานาธิบดีมอลโดวาเตือนว่า นี่เป็นความพยายามที่จะเพิ่มความตึงเครียดในยุโรป โดยเป็นฝีมือของ “กลุ่มที่สนับสนุนสงคราม” ในภูมิภาคทรานส์นิสเทรีย
เลขายูเอ็นเยือนมอสโก ปูตินตกลงอพยพพลเมืองจากมาริอูปอล
ทรานส์นิสเทรียเป็นภูมิภาคแคบ ๆ ระหว่างฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ Dniester กับชายแดนของมอลโดวา-ยูเครน มีประชากรทั้งหมดประมาณ 470,000 คน ส่วนมากเป็นเชื้อชาติรัสเซียและยูเครน
ตั้งแต่ปี 1992 เป็นต้นมา หลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย ได้เกิดการปะทะกันระหว่างสาธารณรัฐมอลโดวาที่ตั้งขึ้นใหม่ซึ่งต้องการเอกราชและเป็นอิสระ กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ต้องการรักษาความสัมพันธ์และการเป็นส่วนหนึ่งกับสหภาพโซเวียต (รัสเซียในปัจจุบัน) ไว้
และหลังจากปี 1992 มา ทรานส์นิสเทรียก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนรัสเซีย (ลักษณะเดียวกับที่เกิดขึ้นในยูเครนตะวันออก) และมีรายงานว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดนกลุ่มนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียอยู่เบื้องหลังด้วย
นอกจากนี้ รัสเซียมีทหารประมาณ 1,500 นายประจำการอยู่ในทรานนิสเทรีย โดยอ้างว่าเป็น “กองกำลังรักษาสันติภาพ” ทำให้ยูเครนกังวลว่า กองกำลังเหล่านั้นจะถูกนำมาใช้โจมตียูเครนจากทางตะวันตก
รัสเซียกล่าวว่า กองกำลังรัสเซียในทรานส์นิสเทรียเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องพลเมืองรัสเซียในพื้นที่ดังกล่าว และเพื่อรักษาสันติภาพระหว่างมอลโดวาและทรานส์นิสเทรีย
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า ความเป็นไปได้ที่กองกำลังในทรานส์นิสเทรียจะถูกดึงมามีเอี่ยวในสงครามรัสเซีย-ยูเครนนั้น มีโอกาสเป็นไปได้ เพราะภูมิภาคนี้ต้องพึ่งพารัสเซียในเชิงเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงก๊าซธรรมชาติด้วย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รุสตัม มินเนคาเยฟ รองผู้บัญชาการทหารกลางของรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียมีเป้าหมายที่จะเข้าควบคุมพื้นที่ทางตอนใต้ของยูเครนให้ได้ ซึ่งหากสำเร็จ จะเป็นการเปิดทางไปยังทรานส์นิสเทรียโดยตรง
ยังไม่ชัดเจนว่า กองทัพรัสเซียซึ่งขณะนี้ดูเหมือนกำลังมุ่งเป้าไปที่การยึดครองยูเครนตะวันออกหรือภูมิภาคดอนบาส จะสามารถยึดดินแดนทางตอนใต้ของยูเครนได้มากขึ้น และบุกไปยังมอลโดวาได้หรือไม่
แต่คาดว่า รัสเซียอาจพยายามใช้ทรานส์นิสเทรียเป็นฐานสำหรับการสนับสนุนด้านการแพทย์ อาหาร การคุ้มกันขบวนรถ การรักษาความปลอดภัยเครือข่ายทางรถไฟ เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการระดมกำลังพล ซ่อมแซมอุปกรณ์ และจัดทัพใหม่
ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี เตือนว่าการรุกรานยูเครนของรัสเซียเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะเชื่อว่า รัสเซียมีแผนที่จะยึดดินแดนในประเทศอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
ด้าน แอนเดรย์ รูเดนโก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียกังวลต่อเหตุระเบิดในภูมิภาคทรานส์นิสเทรีย โดยกล่าวว่า รัสเซียต้องการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทรานส์นิสเทรียจะถูกลากเข้าสู่สงครามรัสเซีย-ยูเครน
รูเดนโกกล่าวว่า สถานการณ์การระเบิดในภูมิภาคทรานส์นิสเทรียนั้น เกิดจาก “กองกำลังที่มีบางฝ่ายอยู่เบื้องหลัง” เพื่อที่จะทำให้ระดับความตึงเครียดในยุโรปสูงขึ้น
ขณะที่เมื่อวันอังคาร (26 เม.ย.) ประธานาธิบดีมอลโดวา ไมอา ซานดู ได้เรียกประชุมคณะมนตรีความมั่นคงเพื่อหารือถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หลังการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงเสร็จสิ้น ซานดูกล่าวว่า “กองกำลังบางกลุ่มในทรานส์นิสเทรีย” ซึ่ง “ต้องการสงคราม” กำลังพยายามที่จะทำให้สถานการณ์ในยุโรปสั่นคลอน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้บัญชาการระดับสูงของรัสเซียกล่าวว่า แผนการใหม่ของรัสเซียคือ การยึดและควบคุมพื้นที่ทางตอนใต้ของยูเครน และเปิดทางไปยังทรานส์นิสเทรีย
บ็อบ ดีน ผู้เชี่ยวชาญด้านมอลโดวาและนักวิจัยอาวุโสสถาบันคลิงเกนแดล กล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะชี้ชัดว่า เหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นในมอลโดวาเป็นหนึ่งในแผนการของรัสเซีย หรือเป็นการก่อวินาศกรรมโดยกลุ่มต่อต้านรัสเซียจริง ๆ
แต่เขากล่าวว่า จากการวิเคราะห์ รัสเซียน่าจะมีเป้าหมายอยู่ในใจสำหรับทรานส์นิสเทรีย “เราได้เห็นแล้วว่า ในรัสเซียกำลังมีการพูดคุยอย่างเปิดเผยมากขึ้นเกี่ยวกับทรานส์นิสเทรีย แถลงการณ์ล่าสุดของรัสเซียอาจเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความทะเยอทะยานที่รัสเซียมี”
ตามการวิเคราะห์ข้อมูลของดีน เขาบอกว่า ไม่น่าเป็นไปได้ที่กองกำลังรัสเซียจะสามารถโจมตีชายแดนยูเครนด้านตะวันตกได้ เนื่องจากทัพรัสเซียส่วนใหญ่อยู่ในสมรภูมิภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออก หากรัสเซียต้องการโจมตียูเครนตะวันตก จะต้องยึดเมืองโอเดสซาของยูเครน เพื่อเปิดเส้นทางไปยังทรานส์นิสเทรีย
ดีนยังประเมินว่า กองกำลังของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในทรานส์นิสเทรีย ซึ่งมีทหารอยู่ประมาณ 7,500 นาย อาจจะถูกนำมาใช้โจมตียูเครนจากชายแดนด้านตะวันตก แต่ก็เป็นไปได้น้อย
“หากกองทหารทรานส์นิสเทรียร่วมต่อสู้ในยูเครน มันจะมีผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย ... ในทำนองเดียวกันกับเบลารุส ภูมิภาคนี้น่าจะไม่ต้องการถูกลากเข้าสู่สงคราม” เขากล่าว และเสริมว่า นี่อาจเป็นเพียงอุบายดีงความสนใจยูเครนให้ถอนกำลังบางส่วนออกจากดอนบาสเพื่อเฝ้าระวังชายแดนตะวันตก
เรียบเรียงจาก Al Jazeera / The Guardian
ภาพจาก AFP
โควิดไทย 10 จังหวัดสูงสุด กทม.ยังอยู่ที่หนึ่ง สามจว.อีสานป่วยแรง