นาตาเลีย อุสมาโนวา วัย 37 ปี คือหนึ่งในพลเรือนที่หลบภัยการโจมตีจากรัสเซียอยู่ใต้โรงงานเหล็กอาซอฟสตาล (Azovstal) ในเมืองมาริอูปอล ซึ่งเป็นหลุมหลบภัยใต้ดินที่ซับซ้อนเหมือนกับเขาวงกตที่สร้างขึ้นในสมัยของ โจเซฟ สตาลิน
เมื่อวันอาทิตย์ (1 พ.ค.) เธอเป็นหนึ่งในพลเรือนที่ได้อพยพออกมาจากอาซอฟสตาลในที่สุด หลังจากยูเครนยื่นข้อเรียกร้องให้มีการเปิดเส้นทางมนุษยธรรมให้ประชาชนทั่วไปอพยพออกมาจากพื้นที่ที่มีการปะทะหลายครั้ง
พลเรือนชุดแรกจากอาซอฟสตอล เมืองมาริอูปอล อพยพออกมาแล้ว
“สวิตเซอร์แลนด์” มีโอกาสเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโตหรือไม่?
ยูเครนล่าตัว “คนทรยศ” บอกข้อมูล-ชี้เป้าให้กองทัพรัสเซีย
อุสมาโนวาเล่าว่า ขณะที่หลบภัยอยู่ในโรงงานเหล้ก เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอจะหยุดลงทุกครั้งเมื่อระเบิดของรัสเซียตกลงมาในมาริอูปอล และแรงสั่นสะเทือนทำให้มีเศษคอนกรีตร่วงลงมาจากเพดาน
“ฉันกลัวว่าบังเกอร์จะทนการโจมตี ฉันกลัวมาก เมื่อบังเกอร์เริ่มสั่น ฉันมักจะตีโพยตีพาย ส่วนสามีของฉันก็พยายามปลอบ ฉันกังวลมากว่าบังเกอร์จะพัง” เธอเล่าความรู้สึกขณะที่อยู่ในโรงงานเหล็กอาซอฟสตาล
นอกจากนี้ เธอยังเล่าให้ฟังถึงภาวะการขาดออกซิเจนในที่หลบภัย และความกลัวที่ครอบงำผู้คนที่หลบอยู่ที่นั่น “เราไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์มานานมาก”
ในวันอาทิตย์ที่มีการเปิดให้พลเรือนในอาซอฟสตาลอพยพออกมา องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ ได้จัดขบวนรถบัสไว้ให้พลเรือนเหล่านี้ เพื่ออพยพไปยังเมืองซาโปริซเซีย ซึ่งอยู่ห่างจากมาริอูปอลไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 220 กิโลเมตร
อุสมาโนวาเล่าว่า ขณะกำลังนั่งรถบัส เธอพูดติดตลกกับสามีของเธอว่า “เราไม่ต้องพกไฟฉายไปห้องน้ำอีกต่อไปแล้ว”
เธอบอกว่า “คุณนึกภาพไม่ออกหรอกว่าเราต้องผ่านความหลาดกลัวอะไรมาบ้าง ฉันอยู่ที่นั่น ทำงานที่เมืองนั้นมาทั้งชีวิต แต่สิ่งที่เราพบที่นั่นช่างเลวร้ายเหลือเกิน”
ด้าน ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวว่า พลเรือนประมาณ 100 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก คาดว่าจะเดินทางมาถึงเมืองซาโปริซเซียซึ่งควบคุมโดยยูเครนในวันนี้ (2 พ.ค.)
“เป็นครั้งแรกในตลอดช่วงสงครามที่เราสามารถเปิดเส้นทางมนุษยธรรมได้สำเร็จ ... เป็นครั้งแรกที่มีการหยุดยิงในพื้นที่นี้เป็นเวลา 2 วัน และเราจัดการอพยพพลเรือนไปแล้วกว่า 100 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก” เขากล่าว และหวังว่าการอพยพจะดำเนินต่อไปได้อีกในวันนี้
ยูเครนคาดการณ์ว่า ภายในเมืองมาริอูปอลอาจยังมีผู้คนจำนวนมากถึง 100,000 คนตกค้างอยู่ รวมถึงคาดว่ามีพลเรือนอีก 1,000 คน ที่ยังอยู่ใต้โรงงานเหล็กอาซอฟสตาล ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวของมาริอูปอลที่รัสเซียยังยึดครองไม่สำเร็จ
“เมืองมาริอูโปล” สำคัญอย่างไร ทำไมรัสเซียพยายามยึดมาให้ได้?
เรียบเรียงจาก The Guardian
ภาพจาก Reuters