ความสัมพันธ์รัสเซีย-อิสราเอลส่อเค้ายกระดับความขัดแย้งทางการทูต หลังรัสเซียกล่าวหาอิสราเอลว่าสนับสนุน “ระบอบนีโอนาซี” ในยูเครน
ข้อพิพาทระหว่างรัสเซีย-อิสราเอลเกิดขึ้นเมื่อ เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า “ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี บอกว่าเขาไม่ได้เป็นนาซีเพราะเขาเป็นชาวยิว แต่ในความเป็นจริงฮิตเลอร์ก็มีเลือดยิว”
และเขายังพูดในทำนองว่า ผู้ที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็คือชาวยิวด้วยกันเองนั่นแหละ
เบลารุสซ้อมรบกะทันหัน ยูเครนเผยพร้อมรับมือหากช่วยรัสเซียบุก
อิสราเอลไม่พอใจหนักหลังรัสเซียพูดบิดเบือนเรื่อง"ยิว"
อิสราเอลฉุน หลังรมว.ต่างประเทศรัสเซียพูดว่า “ฮิตเลอร์มีเชื้อสายยิว”
คำพูดเหล่านี้ของลาฟรอฟทำให้อิสราเอลไม่พอใจ และเรียกร้องให้มีการขอโทษ โดยเมื่อวันจันทร์ (1 พ.ค.) อิสราเอลเรียกเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำอิสราเอลเข้าพบเพื่อพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
ด้าน ยาอีร์ ลาปิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล เรียกคำพูดของลาฟรอฟว่า เป็นสิ่งที่ “ยกโทษให้ไม่ได้และอุกอาจ … เป็นความผิดพลาดร้ายแรงทางประวัติศาสตร์”
ลาปิดบอกว่า “ชาวยิวไม่ได้ฆ่ากันเองในเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การเหยียดเชื้อชาติชาวยิวที่ต่ำที่สุดคือการกล่าวหาชาวยิวว่าเป็นคนฆ่าชาวยิว”
อย่างไรก็ตาม ทางการรัสเซียหรือตัวลาฟรอฟเองไม่ได้ออกมาขอโทษอิสราเอลหรือชาวยิวแต่อย่างใด มิหนำซ้ำ เมื่อวันอังคาร (2 พ.ค.) กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียยังราดน้ำมันลงกองเพลิง โดยกล่าวหาลาปิดว่า “พูดจาขัดแย้งกับประวัติศาสตร์” และบอกว่า “นี่อธิบายถึงแนวทางของรัฐบาลอิสราเอลในปัจจุบันในการสนับสนุนระบอบนีโอนาซีในยูเครนได้เป็นอย่างดี”
กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าวในแถลงการณ์ว่า “น่าเสียดาย ประวัติศาสตร์ทำให้เราทราบดีถึงตัวอย่างที่น่าเศร้าของความร่วมมือของชาวยิวกับนาซี”
ข้อพิพาทเกี่ยวกับชาวยิวนี้ ถือเป็นปัจจัยที่อาจเปลี่ยนจุดยืนและท่าทีของอิสราเอลในสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งที่ผ่านมา อิสราเอล ในฐานะพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯ ตัดสินใจวางตัวเป็นกลางในความขัดแย้งครั้งนี้ ไม่คว่ำบาตรรัสเซีย และไม่ส่งอาวุธให้ยูเครน มีเพียงการส่งความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมให้เท่านั้น
แต่ข้อพิพาทที่เกิดขึ้นนี้อาจส่งผลให้อิสราเอลละทิ้งจุดยืนที่เป็นกลาง และหันไปสนับสนุนยูเครนเต็มรูปแบบ
Haaretz หนังสือพิมพ์รายวันของอิสราเอลรายงานเมื่อวันอังคาร (2 พ.ค.) ว่า สถาบันทางทหารและการเมืองในอิสราเอลกำลังพิจารณาให้การสนับสนุนความช่วยเหลือแก่ยูเครนเพิ่มเติมหลังจากเกิดความขัดแย้งทางการทูตกับรัสเซีย โดยความช่วยเหลือที่สามารถส่งไปยังยูเครนได้จะได้รับการตรวจสอบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
แต่ทั้งนี้ มีรายงานว่า อิสราเอลจะไม่ส่งอาวุธขั้นสูงหรือเทคโนโลยีบางอย่าง เช่น ระบบป้องกันขีปนาวุธที่ประธานาธิบดีเซเลนสกีเคยขอมา
แหล่งข่าวระบุว่า การจัดส่งความช่วยเหลือยุทโธปกรณ์ทางทหารมีแนวโน้มว่าจะ “เป็นความช่วยเหลือในเชิงสัญลักษณ์” เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นปฏิปักษ์กับรัสเซียโดยตรง
อเล็กซานเดอร์ เบานอฟ นักวิเคราะห์การเมืองชาวรัสเซียที่เคยดำรงตำแหน่งนักการทูตกล่าวว่า คำพูดที่ทำให้เกิดข้อพิพาทและความไม่สงบของลาฟรอฟ บ่งบอกถึง “ความหัวรุนแรง” ของคนส่วนใหญ่ในรัฐบาลรัสเซีย
“การทูตคือทักษะ คือศิลปะ แต่การทูตของรัสเซียพังทลายไปพร้อมกับทุกสิ่งทุกอย่างในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ... พวกเขาไม่มีกฎเกณฑ์ ไม่มีทักษะ ไม่มีเหตุผล … ไม่มีอะไรเหมือนเดิม พวกเขาทั้งหมดสับสนในโลกใหม่นี้ รวมทั้งคนอย่างลาฟรอฟหรือปูตินเอง พวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร อะไรได้รับอนุญาตให้พูด และอะไรไม่ควรพูด” เบานอฟกล่าว
เรียบเรียงจาก The Guardian
ภาพจาก AFP