รมว.กลาโหมรัสเซีย อวดผลงานยึดลูฮันสก์ได้ใน 2 สัปดาห์


โดย PPTV Online

เผยแพร่




สมรภูมิรบระหว่างรัสเซียและยูเครนหลักๆ ยังอยู่ที่ภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งที่นี่เป็นที่ตั้งของ 2 แคว้นอุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ สำหรับแคว้นลูฮันสก์ รัสเซียยึดได้อย่างสมบูรณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

เมื่อคืนนี้ประธานาธิบดีปูตินสั่งกองทัพรัสเซียเดินหน้าลุยต่อเพื่อยึดอีกแคว้นคือ โดเนตสก์ ให้ได้ ประชาชนในหลายเมืองของแคว้นโดเนตสก์จึงต้องหนีตาย หรือเตรียมพร้อมกับการมาของกองทัพรัสเซีย เมืองครามาทอร์สก์ของแคว้นโดเนตสก์ประชนจำนวนมากหนีออกไปก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากที่รัสเซียโจมตีเมืองนี้อย่างหนัก

ส่วนที่เหลือกำลังกักตุนอาหารเตรียมตัวการเข้ามาของกองทัพรัสเซีย ประชาชนที่นี่อยู่อย่างยากลำบาก 

รัสเซีย มั่นใจ สามารถยึดทุกพื้นที่ในเขตลูฮานสก์ของยูเครนได้ในเร็ววันนี้

ยูเครนพบศพนายกเทศมนตรีถูกฝังอยู่ หลังถูกลักพาตัวไปเกือบ 2 สัปดาห์

นอกจากจะต้องเสี่ยงชีวิตจากขีปนาวุธหรือระเบิดที่จะตกลงมาเมื่อไหร่ก็ได้ ยังต้องเจอกับการขาดของที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต รวมถึงขาดแคลนอาหาร

และส่วนใหญ่เป็นคนกลุ่มเปราะบาง เช่น คนพิการ ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ไม่สามารถหนีไปที่อื่น และช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ที่ยังอยู่ในเมืองได้ก็เพราะมีการปันส่วนอาหาร

การรุกคืบเข้าแคว้นโดเนตสก์ของรัสเซียเกิดขึ้นหลังจากรัสเซียยึดแคว้นลูฮันสก์ได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อกองกำลังยูเครนล่าถอยจากฐานที่มั่นสุดท้ายในเมืองลิซิแชนสก์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

หลังจากนั้นก็มีภาพของเซอร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซียรายงานสถานการณ์ต่อประธานาธิบดีปูติน

โดยเขาระบุว่าขณะนี้รัสเซียมีชัยเหนือยูเครนในแคว้นลูฮันสก์แล้ว โดยใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น

ผู้นำรัสเซียกล่าวแสดงความยินดีต่อกองทัพรัสเซียที่สามารถยึดแคว้นลูฮันสก์ได้สำเร็จ กล่าวชมเชยความกล้าหาญของทหารรัสเซีย

หลังจากนั้นประธานาธิดีปูตินก็ออกคำสั่งรัฐมนตรีกลาโหมให้เดินหน้าปฏิบัติการต่อทันที

คำสั่งนี้แปลว่ารัสเซียจะไม่ถอย และไม่เลิกทำสงครามในขณะนี้อย่างแน่นอน อย่างน้อยก็จนกว่าจะทำตามที่ประกาศไว้ในช่วงการเริ่มสงครามเฟส 2

นั่นคือ ยึดดอนบาสและทางใต้ของยูเครนให้ได้ทั้งหมด

ตอนนี้รัสเซียยึดแคว้นลูฮันสก์ได้แล้ว ถ้าได้แคว้นโดเนตสก์อีก จะเท่ากับว่า รัสเซียจะได้ครอบครองภูมิภาคดอนบาสอย่างสมบูรณ์

และนั่นหมายถึงการสามารถเชื่อมแผ่นดินใหญ่ของรัสเซียด้านตะวันตกให้ยาวลงไปถึงเมืองมาริอูปอลบนทะเลอาซอฟที่ยึดได้ก่อนหน้านี้ และยาวไปถึงแคว้นไครเมียบนทะเลดำที่รัสเซียผนวกไว้ตั้งแต่ปี 2014

การสร้าง Landbridge จากแผ่นดินใหญ่ด้านตะวันตกให้ยาวถึงไครเมียในทะเลดำคือหนึ่งในความใฝ่ฝันของรัสเซีย ด้วยเหตุผลทั้งทางด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง

หากยึดดอนบาสและทางตอนใต้ของยูเครนได้แล้ว ไม่มีใครคาดเดาได้ว่ารัสเซียมีแผนอย่างไรต่อหลังจากนี้

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นมีการประเมินว่า รัสเซียอาจเดินหน้าตามแผนเดิมคือ ยึดทั้งประเทศ ซึ่งหมายถึง สงครามที่จะยืดเยื้อต่อเนื่องอีกหลายปี

ตอนนี้ นอกจากดอนบาสแล้ว รัสเซียยังไม่หยุดโจมตีอีกหลายจุด โดยเมืองที่ถูกโจมตีหนักคือ คาร์คีฟ

เมื่อคืนที่ผ่านมาขีปนาวุธของรัสเซียหลายลูกมุ่งเป้าไปที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยครูของโรงเรียนแห่งนี้กล่าวกับสื่อว่า การกระทำของรัสเซียนั้นผิดมนุษย์ นี่เป็นเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่ไม่ควรเกิด

ท่าทีที่แข็งกร้าวของรัสเซียในการเดินหน้าทำสงครามต่อ ทำให้ประธานาธิบดีเซเลนสกีบอกว่า เขาไม่มีทางเลือก นอกจากการสู้ต่อ เพื่อผลักดันรัสเซียออกไปให้ได้สิ่งที่ยูเครนเรียกร้องมาตลอดคือ อาวุธ

โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในระหว่างที่มีการประชุมสุดยอดผู้นำนาโต ประธานาธิบดีเซเลนสกีได้บอกกับที่ประชุมนาโตอีกครั้งว่า สิ่งที่ต้องทำเพื่อเอาชนะในสงครามครั้งนี้ คือ ต้องทำลายความได้เปรียบในเรื่องปืนใหญ่ของรัสเซีย

และยูเครนต้องการอาวุธทันสมัยมากขึ้นและเร็วขึ้น ทำไมอาวุธที่บรรดาชาติตะวันตกส่งไปให้ยูเครนถึงยังไม่เพียงพอต่อความต้องการที่แท้จริงในการทำสงครามปัจจุบันมีประมาณ 30 ประเทศที่ส่งอาวุธให้กับยูเครน

สหรัฐคือประเทศที่ให้ความช่วยเหลือมากที่สุดคือ รวมมูลค่าจนถึงขณะนี้คือประมาณ 25,450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตามมาด้วยสหราชอาณาจักร 2,530 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โปแลนด์ 1,810 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เยอรมนี 1,480 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

แคนาดา 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยอาวุธหลักๆที่ยูเครนได้และเป็นตัวที่ชี้วัดความได้เปรียบเสียเปรียบในการทำสงครามคือ ระบบยิงจรวดหลายลำกล้องแบบพิสัยไกล หรือ MLRS เช่น ไฮมาร์ส

คาดว่าขณะนี้ยูเครนมีไฮมาร์สอยู่ประมาณ 10 เครื่อง ส่วนใหญ่ได้รับจากสหรัฐและสหราชอาณาจักร ล็อตล่าสุดที่ยูเครนได้รับจากสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่ทางการยูเครนไม่ได้ระบุว่าได้รับมากี่เครื่อง

อย่างไรก็ตามทางสหรัฐได้มีการปรับพิสัยของระบบขีปนาวุธตัวนี้ให้เหลือแค่ไม่เกิน 80 กิโลเมตรจากศักยภาพสูงสุดที่มี 300 กิโลเมตร ทั้งนี้รัสเซียมีระบบยิงขีปนาวุธคล้ายๆกันในการใช้โจมตียูเครน นั่นก็คือ Smerch ซึ่งมีพิสัยการยิงประมาณ 70 กิโลเมตรแต่มีความแม่นยำน้อยกว่าไฮมาร์ส

ภาพอาวุธไฮมาร์สจากสหรัฐฯ ที่ถูกนำไปประจำการในสนามรบบริเวณแคว้นซาโปรริสเซียซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแคว้นเคอร์ซอน

ในพื้นที่บริเวณนี้ ยูเครนยังคงได้เปรียบด้านการรบอยู่ และคาดว่าการนำไฮมาร์สเข้ามาประจำการในสนามรบอาจช่วยให้ยูเครนรับมือกับรัสเซียได้ดีขึ้น

ตัวที่ 2 คือ ปืนใหญ่วิถีโค้ง  สหรัฐ แคนาดาและออสเตรเลียได้จัดส่งปืนใหญ่วิถีโค้งฮาวอิสเซอร์ รุ่น M777 จำนวน 100 ตัว รวมเครื่องกระสุนประมาณ 300,000 ตับให้กับยูเครน

อาวุธอีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นกำลังหลักของยูเครนคือ ขีปนาวุธต่อต้านรถถัง เช่น NLAW ขีปนาวุธแบบประทับบ่าตัวนี้ยูเครนได้รับแล้ว 50,000 กระบอก อาวุธตัวนี้มีบทบาทสำคัญในการสกัดกองทัพรัสเซียไม่ให้ยึดกรุงเคียฟ

นอกจากนี้ก็ยังมีรถถัง โดยยูเครนได้รถถัง เช่น รุ่น T-72M1 ซึ่งเป็นรถถังรุ่นที่กองทัพยูเครนมีความคุ้นเคยในการใช้กว่า 200 คันจากโปแลนด์และสาธารณรัฐเช็ก

อีกตัวที่ยูเครนได้ใช้มากคือ โดรน โดยเฉพาะโดรน Bayraktar TB2 ของตุรกี ซึ่งกองทัพยูเครนใช้ในการถล่มเป้าหมาย เช่นเฮลิคอปเตอร์ ขบวนรถถัง รวมถึงการชี้เป้าฐานที่มั่นของรัสเซียก่อนใช้ปืนใหญ่โจมตี

อาวุธยุทโธปกรณ์ตัวสุดท้ายที่สำคัญคือ ระบบป้องกันภัยทางอากาศ ตัวนี้ใช้เพื่อป้องกันไม่ใช้รัสเซียควบคุมน่านฟ้าได้อย่างสมบูรณ์ โดยระบบป้องกันภัยทางอากาศหลักๆที่ยูเครนได้รับคือ S300 จากสโลวาเกีย

โดยเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้นำของสโลวาเกียได้เดินทางไปที่กรุงเคียฟและได้ประกาศส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศตัวนี้ให้ยูเครนเป็นการเร่งด่วน

ดูจากนี้อาวุธที่ส่งเข้ามาในยูเครนมีเยอะมาก รวมถึงครอบคลุมในทุกมิติของการทำสงคราม แต่ทำไมยูเครนบอกว่า ยังไม่เพียงพอในการรับมือกับรัสเซีย มี 2 เหตุผล

เหตุผลแรกคือ อาวุธส่งมาถึงช้า ในช่วงแรก ชาติตะวันตกพยายามจัดหาอาวุธและเครื่องกระสุนที่ออกแบบในยุคสหภาพโซเวียต เนื่องจากเป็นอาวุธที่ยูเครนคุ้นชินและมีความเชี่ยวชาญในการใช้

อย่างไรก็ตาม อาวุธหรือเครื่องกระสุนแบบนี้มีไม่เพียงพอ เพราะเกือบทุกชาติในยุโรปมีเลิกผลิตไปหมดแล้ว

ชาติตะวันตกจึงต้องส่งอาวุธแบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในสงครามสมัยใหม่ให้แทน เป็นอาวุธตามมาตรฐานของนาโต

การเปลี่ยนมาใช้อาวุธมาตรฐานนาโตกลายเป็นปัญหา เพราะทหารยูเครนจำเป็นต้องเข้ารับการอบรมฝึกฝนกันใหม่ โดยเฉพาะอาวุธที่ซับซ้อน เช่น ปืนใหญ่รุ่นใหม่อย่างฮาวอิสเซอร์ และระบบเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องหรือ MLRsโดยการฝึกซ้อม ทหารยูเครนต้องเดินทางไปฝึกนอกประเทศ

การฝึกซ้อมที่เกิดขึ้นในสหราชอาณาจักร ทหารยูเครนหลายร้อยนายกำลังฝึกใช้ระบบยิงจรวดแบบหลายลำกล้องหรือ MLRs จากหน่วยปืนใหญ่ของสหราชอาณาจักร

โดยการฝึกซ้อมที่กินเวลาหลายสัปดาห์เพิ่งจะเสร็จสิ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นการฝึกซ้อมแบบครบวงจร ทั้งการใช้ ระบบการสั่งการและการบำรุงรักษา

การฝึกซ้อมการใช้อาวุธสมัยใหม่ที่ซับซ้อนต้องใช้เวลา เพราะต้องทำให้เป็นทั้งหมด เนื่องจากทหารจากสหรัฐหรือสหราชอาณาจักรไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือหรือแนะนำถึงในพื้นที่สงครามได้

การใช้เวลาในการฝึก ทำให้อาวุธเหล่านี้เข้าประจำการล่าช้า ยูเครนจึงเสียเปรียบรัสเซีย

ส่วนอาวุธที่ไม่ซับซ้อนนัก ทหารยูเครนเรียนรู้วิธีใช้จากคู่มือ รวมถึงการเรียนผ่านระบบเสมือนจริงจากทหารในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรหรือเยอรมนี

ส่วนเหตุผลที่ 2 ที่ทำให้ยูเครนรับมือกับรัสเซียลำบากคือ ลักษณะของอาวุธที่ยูเครนได้มาไม่เหมาะกับการใช้รับมือกับวิธีที่รัสเซียทำสงคราม

มีรายงานว่า อาวุธที่รัสเซียใช้จำนวนมากเป็นอาวุธในสมัยของสหภาพโซเวียตที่ไม่เน้นความแม่นยำแต่เน้นการทำลายล้างแบบวงกว้าง

ขณะที่อาวุธที่ยูเครนได้เป็นอาวุธสมัยใหม่ที่เน้นความแม่นยำเป็นการมุ่งเป้าโจมตีเป็นจุดๆ

 

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์


TOP ต่างประเทศ

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ