ปธน.ศรีลังกาขอ "ปูติน" ช่วยเรื่องนำเข้าน้ำมัน

ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ของศรีลังกาเผยผ่านทวิตเตอร์เมื่อวานว่า การหารือทางไกลกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ เขาได้ขอบคุณรัฐบาลรัสเซียที่ให้การสนับสนุนศรีลังกาเผชิญกับความท้าทายในช่วงที่ผ่านมา

ประธานาธิบดีโกตาบายา ยังได้ขอการสนับสนุนสินเชื่อจากรัสเซียเพื่อในการนำเข้าพลังงาน เพื่อให้ศรีลังกาสามารถผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญอยู่ได้

วิกฤตศรีลังกา บทเรียนรัฐบาลผิดพลาด ฉุด“เศรษฐกิจพังพินาศ” ผู้นำเผ่นหนี

จุดจบตระกูลราชปักษา จากฮีโร่สงครามสู่ปรสิตกัดกินประเทศ

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังเมื่อช่วงสุดสัปดาห์รัฐมนตรีพลังงานของศรีลังกาได้เตือนว่าน้ำมันกำลังจะหมดประเทศ ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วทางการต้องระงับการขายน้ำมันให้กับบริการที่ไม่จำเป็นนาน 2 สัปดาห์เพื่อพยายามประหยัดน้ำมันที่เหลืออยู่ในคลังให้ได้มากที่สุด

 ศรีลังกาเคยซื้อน้ำมันจากรัสเซียมาแล้วในช่วงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้เพื่อบรรเทาวิกฤต ซึ่งตอนนี้ก็ชัดเจนว่ารัฐบาลศรีลังกาต้องการซื้อน้ำมันจากรัสเซียเพิ่มอีกแม้บรรดาชาติตะวันตกเดินหน้าคว่ำบาตรรัสเซียเพื่อลงโทษที่ก่อสงครามรุกรานยูเครนก็ตาม

และถึงแม้นายกรัฐมนตรี ‘รานิล วิกรมสิงเห’ ของศรีลังกาเคยบอกว่า จะพยายามหาน้ำมันจากแหล่งอื่นๆ ก่อน แต่ท่าทีล่าสุดของประธานาธิบดีราชปักษาก็สะท้อนว่าความพยายามหาน้ำมันราคาถูกจากแหล่งอื่นไม่ประสบความสำเร็จ 

ประธานาธิบดีราชปักษายังได้เผยว่า เขาได้ร้องขอปูติน ให้กลับมาเปิดบริการเที่ยวบินระหว่างกรุงมอสโกและกรุงโคลัมโบอีกครั้ง หลังสายการบินแอโรฟลอตของรัสเซียระงับการบินในเส้นทางดังกล่าวไปเมื่อเดือนที่แล้ว

นี่สะท้อนว่าวิกฤตเศรษฐกิจที่บีบคั้นหนักทำให้รัฐบาลศรีลังกาอยากจะพึ่งพารัสเซียในเรื่องการท่องเที่ยวด้วย โดยในช่วงหลายเดือนก่อนเกิดสงครามในยูเครน นักท่องเที่ยวรัสเซียคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 5 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางเยือนศรีลังกา 

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าแม้สายการบินแอโรฟลอตจะกลับมาให้บริการเที่ยวบินระหว่างรัสเซีย-ศรีลังกา การดึงดูดนักท่องเที่ยวรัสเซียให้มาเยือนก็คงไม่ง่าย เนื่องจากธนาคารหลายแห่งของรัสเซียถูกตัดออกจากระบบ SWIFT หรือระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับที่บริษัทบัตรเครดิตวีซ่าและมาสเตอร์การ์ดระงับบริการในรัสเซียเพื่อตอบโต้ที่รุกรานยูเครน ซึ่งนี่จะทำให้นักท่องเที่ยวรัสเซียใช้จ่ายเงินได้ยากขึ้นเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ 

"ศรีลังกา"เตรียมขอความช่วยเหลือจากอินเดียเพิ่ม

“ปูติน”แนะวิธีแก้ไขราคาอาหารทั่วโลกพุ่ง แต่ตะวันตกต้องยกเลิกคว่ำบาตร

ศรีลังกากำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 70 ปี เงินทุนสำรองระหว่างประเทศกำลังจะหมดไปโดยสาเหตุมาจากการบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจที่ผิดพลาดและผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของโควิด

เงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่ร่อยหรอทำให้ศรีลังกาไม่สามารถน้ำเข้าสินค้าจำเป็น ทั้งอาหาร ยาและพลังงาน โดยแพทย์บอกว่าระบบสาธารณสุขของประเทศใกล้จะล่มสลายแล้ว  เสียงเรียกร้องให้ประธานาธิบดีราชปักษาลาออกยังมีขึ้นต่อเนื่อง

เมื่อวานนี้มีการชุมนุมประท้วงของประชาชนหลายร้อยคนที่บริเวณใกล้อาคารรัฐสภาเพื่อขับไล่รัฐบาล การประท้วงนำโดยคนรุ่นใหม่และมีนักการเมืองฝ่ายค้าน สหภาพแรงงาน นักกิจกรรมจากภาคประชาสังคมให้การสนับสนุน แต่ผู้ประท้วงก็ถูกตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำใส่เพื่อสลายการชุมนุม

รัฐบาลศรีลังกาพยายามหาความช่วยเหลือจากต่างชาติหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นจีน อินเดีย และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีวิกรมสิงเหของศรีลังการะบุว่า การเจรจากับไอเอ็มเอฟไม่ง่าย

ศรีลังกากำลังเจรจากับไอเอ็มเอฟเพื่อขอความช่วยเหลือ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคณะผู้แทนจากไอเอ็มเอฟจบภารกิจเยือนศรีลังกาเป็นเวลา 10 วันไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงให้ความช่วยเหลือ

ไอเอ็มเอฟระบุว่าจากการประเมินพบว่าหนี้สาธารณะของศรีลังกามีความไม่ยั่งยืน ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำก่อนที่จะบรรลุข้อตกลงให้ความช่วยเหลือได้

ไอเอ็มเอฟยังขอให้ศรีลังกาแก้ไขการขาดดุลงบประมาณ แก้ปัญหาทุจริต ไปจนถึงยุติการอุดหนุนพลังงานด้วยเงินมหาศาลที่ทำให้ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณของรัฐมายาวนาน แต่ไอเอ็มเอฟก็ให้สัญญาว่าจะเดินหน้าการเจรจากับศรีลังกาต่อไป

โดยศรีลังกาต้องส่งแผนปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ไอเอ็มเอฟในเดือนสิงหาคมนี้เพื่อเดินหน้าการเจรจาขอเงินช่วยเหลือต่อไป

ขณะที่นายกฯ รานิล วิกรมสิงเห ได้กล่าวกับรัฐสภาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า การเจรจาระหว่างศรีลังกาและไอเอ็มเอฟมีความซับซ้อน เนื่องจากครั้งนี้ศรีลังกาไม่ได้เจรจาในฐานะประเทศกำลังพัฒนา แต่เป็นการขอความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟในฐานะ “ประเทศล้มละลาย"

นายกฯ วิกรมสิงเห ยังเผยว่า ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจศรีลังกาจะหดตัวลงร้อยละ 7 ในปีนี้ มากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของธนาคารกลางศรีลังกา ส่วนอัตราเงินเฟ้อก็อาจจะพุ่งไปกว่าร้อยละ 60

และคาดว่าศรีลังกาน่าจะเผชิญกับเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงในปีนี้ การขาดแคลนอาหาร พลังงาน และยารักษาโรคน่าจะยังดำเนินต่อไป พร้อมเตือนว่าปี 2023 ก็คงเป็นที่ยากลำบากเช่นกัน โดยนี่คือความจริงที่ต้องยอมรับ

ล่าสุดวันนี้ ธนาคารกลางของศรีลังกายังได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยสำคัญต่างๆ ร้อยละ เพื่อสู้กับปัญหาค่าครองชีพที่พุ่งสูงในประเทศ

โดยขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไปอยู่ที่ร้อยละ 15.5 ส่วนดอกเบี้ยเงินฝากปรับเพิ่มเป็นร้อยละ 14.5 สูงสุดในรอบ 21 ปี

การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเกิดขึ้นในขณะที่อัตราเงินเฟ้อรายปีของศรีลังกาในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาสูงสุดทำสถิติที่ร้อยละ 54.6 ขณะที่ราคาอาหารพุ่งขึ้นถึงร้อยละ 80

และในขณะที่ค่าครองชีพพุ่ง น้ำมันขาดแคลนจนทำให้คนต้องไปต่อคิวยาวตามปั๊มกันเป็นวันๆ เพื่อเติมน้ำมัน ชาวศรีลังกาบางคนก็บอกว่าพวกเขาต้องหันมาใช้จักรยานเป็นพาหนะในการเดินทางไปทำงานแทน

อย่างไรก็ตาม มีเสียงสะท้อนออกมาจากร้านขายจักรยานบางแห่งในศรีลังกาเช่นกันว่า นอกจากราคาจักรยานในประเทศจะสูงขึ้นจากความต้องการใช้ที่มากขึ้น ตอนนี้ศรีลังกาก็กำลังจะเผชิญปัญหาจักรยานขาดตลาด โดยการนำเข้าจักรยานก็ได้ถูกสั่งห้ามด้วยเช่นกัน