ประธานสภาศรีลังกา แถลงว่าประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ของศรีลังกา จะลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ หลังกลุ่มผู้ชุมนุมหลายพันคน บุกเข้าไปในทำเนียบประธานาธิบดี ในกรุงโคลัมโบ เมื่อวานนี้ (9 ก.ค.65) เนื่องจากไม่พอใจการบริหารจัดการวิกฤตเศรษฐกิจ
โดยยังระบุด้วยว่า ประธานาธิบดีราชปักษา ตัดสินใจลาออก เพื่อให้แน่ใจได้ว่าจะมีการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติ พร้อมขอให้ประชาชนเคารพกฎหมายและรักษาความสงบเรียบร้อย
วิกฤตศรีลังกา บทเรียนรัฐบาลผิดพลาด ฉุด“เศรษฐกิจพังพินาศ” ผู้นำเผ่นหนี
จุดจบตระกูลราชปักษา จากฮีโร่สงครามสู่ปรสิตกัดกินประเทศ
ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ประท้วงหลายแสนคนจากทั่วประเทศเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง เพื่อขับไล่รัฐบาล โดยผู้ชุมนุมจำนวนมหาศาล เดินขบวนไปยังที่ทำเนียบประธานาธิบดีศรีลังกา เมื่อเช้าวานนี้ และปะทะกับตำรวจควบคุมฝูงชนที่ยิงแก๊สน้ำตาสกัด แต่ไม่เป็นผล
ขณะที่ชุมนุมหลายพันคนสามารถฝ่าแนวกั้นและเครื่องกีดขวางของเจ้าหน้าที่ และบุกเข้าไปในบ้านพักของประธานาธิบดีได้สำเร็จ โดยภาพบนสื่อสังคมออนไลน์แสดงให้เห็นว่า ผู้ชุมนุมเดินสำรวจทั่วที่พัก บางส่วน กระโดดลงสระว่ายน้ำในทำเนียบอย่างสนุกสนาน ขณะที่อีกจำนวนมากล้อมอยู่ด้านนอก
นายกฯ อังกฤษ “บอริส จอห์นสัน” ลาออก กระทบการช่วยเหลือยูเครนหรือไม่?
มือยิง “ชินโซ อาเบะ” เผยแรงจูงใจไม่เกี่ยวข้องกับความเห็นทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ขณะเกิดเหตุ ประธานาธิบดีราชปักษา ไม่ได้อยู่ในบ้านพัก และได้รับการอารักขาออกจากทำเนียบไปตั้งแต่วันศุกร์ และยังไม่ชัดเจนว่า ประธานาธิบดีพำนักอยู่ที่ใด ขณะที่ในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา กลุ่มผู้ชุมนุมบุกไปยังบ้านพักส่วนตัวนายกรัฐมนตรีรานิล วิกรมสิงเห ก่อนจุดไฟเผา ส่งเปลวไฟและกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีวิกรมสิงเห ประกาศจะลาออกจากตำแหน่งเช่นกัน เพื่อเปิดทางจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
ทั้งนี้ ศรีลังกา เผชิญวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 1948 จากการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ ทำให้ไม่สามารถนำเข้าสินค้าสำคัญ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง อาหารและยา
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในประเทศแตะ 54.6 เปอร์เซ็นต์ในเดือนมิถุนายน และคาดว่าจะเพิ่มไปอยู่ที่ 70 เปอร์เซ็นต์ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า