ยูเครนประกาศเดินหน้าส่งออกสินค้าอาหารและการเกษตรให้ได้ภายในสัปดาห์นี้ แม้เกิดเหตุขีปนาวุธโจมตีเมืองโอเดสซา เมืองท่าฝั่งทะเลดำที่สำคัญของยูเครน เมื่อวันเสาร์ (23 ก.ค.) ที่ผ่านมา ไม่ถึง 1 วันหลังจากที่มีการลงนามในข้อตกลง 4 ฝ่ายระหว่าง รัสเซีย ยูเครน ตุรกี และองค์การสหประชาชาติ เพื่อเปิดเส้นทางปลอดภัยสำหรับการส่งออกแก้วิกฤตอาหารโลก
ฟาร์ฮาน ฮัค รองโฆษกสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวว่า เรือขนธัญพืชลำแรกอาจสามารถออกจากท่าเรือทะเลดำของยูเครนได้ภายใน 2-3 วันนี้
รัสเซียอ้างเครื่องยนต์มีปัญหา ลดส่งมอบก๊าซธรรมชาติให้ยุโรปเหลือ 20%
รัสเซียรับมอบ “เรือดำน้ำยาวที่สุดในโลก” รองรับตอร์ปิโดนิวเคลียร์
รัสเซียอ้าง โจมตีท่าเรือโอเดสซา เพื่อทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น
โอเล็กซานเดรอ คูบราคอฟ รัฐมนตรีกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน กล่าวว่า ยูเครนจะเตรียมส่งออกธัญพืชและอาหารต่อไป โดยเริ่มจากท่าเรือชอร์โนมอร์สก์ จากนั้นไปยังท่าเรือในโอเดสซาและพีฟเดนนี ตามแนวชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งยูเครนยังไม่ได้เสียไปให้รัสเซีย
คูบราคอฟกล่าวว่า แม้ว่ายูเครนจะไม่ไว้วางใจรัสเซีย “แต่เชื่อมั่นในพันธมิตรและหุ้นส่วน ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดข้อตกลง … เราลงนามกับสหประชาชาติและตุรกีไม่ใช่รัสเซีย”
สำหรับเหตุโจมตีนั้น แรกเริ่มรัสเซียบอกกระทรวงกลาโหมของตุรกีว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีท่าเรือเมืองโอเดสซา แต่ต่อมาก็กลับลำ และอ้างว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธเพื่อทำลายเป้าหมายทางทหาร คือเรือรบยูเครนที่บรรทุกอาวุธจากตะวันตก
การโจมตีเมื่อวันเสาร์ทำให้ราคาข้าวสาลีพุ่งสูงขึ้นอีกคำรบ และทำให้วิกฤตอาหารโลกเลวร้ายลง คูบราคอฟกล่าวว่า “เราทุกคนได้เห็นแล้วในวันเสาร์ว่า ไม่มีปัญหาสำหรับพวกเขาเลยที่จะโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือ นี่เป็นภัยคุกคามหลักต่อข้อตกลง และเราเข้าใจว่าอาจทำให้ตลาดตกใจ”
ขณะเดียวกัน เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ได้เดินทางเยือนประเทศในภูมิภาคแอฟริกา เพื่อเรียกเสียงสนับสนุนจากนานาประเทศในภูมิภาคนี้ สร้างความชอบธรรมในการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
เขากล่าวขณะเยือนยูกันดาว่า “เรามุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือประชาชนในยูเครนตะวันออกให้ปลดแอกตนเองจากระบอบการปกครองที่ยอมรับไม่ได้อย่างยิ่ง เราจะช่วยชาวยูเครนกำจัดระบอบการปกครองซึ่งต่อต้านประชาชนและต่อต้านประวัติศาสตร์”
ลาฟรอฟกล่าวเพิ่มเติมว่า เขาไม่เห็นอุปสรรคในการส่งออกธัญพืชหลังจากการโจมตีท่าเรือ เนื่องจากไม่มีเงื่อนไขใดในข้อตกลงส่งออกที่ขัดขวางไม่ให้รัสเซียโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของยูเครน
ความเห็นของลาฟรอฟตีความได้ว่า หากรัสเซียเห็น “เป้าหมายทางทหาร” ใกล้กับท่าเรือยูเครน ก็จะไม่ลังเลที่จะเปิดฉากโจมตีเป้าหมายนั้น
ที่ผ่านมา ผู้นำชาติในแอฟริกาหลายคนปฏิเสธที่จะประณามการรุกรานยูเครน รวมถึงกล่าวหาว่าสหรัฐฯ และนาโตต่างหากที่เป็นคนเริ่มความขัดแย้งและทำให้สถานการณ์ยืดเยื้อ
เรียบเรียงจาก The Guardian
ภาพจาก AFP
รัสเซียตั้งข้อหาทหารยูเครน “ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ”
สตรีหมายเลขหนึ่งชี้ การฟื้นฟู “คน” คือหัวใจสำคัญของการฟื้นฟูยูเครน