เมื่อวานนี้ (27 ก.ค.) เมตา (Meta) ซึ่งเป็นเจ้าของแพลทฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และวอตส์แอป รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ระหว่างเดือน พ.ค ถึง ก.ค.พบว่า รายได้จากการขายโฆษณาอยู่ที่ประมาณ 28,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท ลดลง 1 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท แต่ยังรักษาจำนวนผู้ใช้งานเอาไว้ได้ที่ระดับเดิม
แบรนด์ดังหยุดซื้อโฆษณาโซเชียลมีเดีย ขจัดโพสต์เกลียดชัง
Meta ดิ่งเหว มูลค่าสูญวันเดียว 2.3 แสนล้านดอลลาร์ ทุบสถิติหุ้นสหรัฐ
“Facebook” เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “Meta” เดินหน้าธุรกิจโลกเสมือนจริง หุ้นเด้งตอบรับ 1.51%
โดย "เมตา" ซึ่งครองเม็ดเงินในตลาดโฆษณาโลกคิดเป็นสัดส่วน 20 เปอร์เซ็นต์ ประเมินว่า ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ยอดขายโฆษณามีแนวโน้มจะลดลงอีก เนื่องจากการช้อปปิ้งออนไลน์ได้ผ่านพ้นจุดพีคที่เกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 ไปแล้ว ขณะที่บริษัทต่าง ๆ กังวลปัญหาเงินเฟ้อและสงครามในยูเครน ทำให้ต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง และลดงบประมาณในด้านการโฆษณา
นักวิเคราะห์เชื่อว่าการเติบโตของ "เมตา" ได้ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว และยังต้องเผชิญการแข่งขันอย่างดุเดือดจากคู่แข่งอย่าง ติ๊กต็อก (TikTok) ที่แย่งชิงความนิยมและส่วนแบ่งโฆษณาไป ทำให้ตอนนี้ "เมตา" ได้กลายเป็นบริษัทเติบโตต่ำ หรือ หยุดเติบโต
ล่าสุด บริษัทยังมีความพยายามที่จะปรับเปลี่ยนระบบอัลกอริทึมของอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก ให้ขึ้นหน้าฟีดเหมือนติ๊กต็อก คือ แนะนำโพสต์ของคนที่เราไม่ได้ติดตามมากขึ้น แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็เรียกเสียงวิจารณ์อย่างมากจากผู้ใช้งาน
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะชะลอการลงทุนในโครงการต่าง ๆ และจะค่อย ๆ ชะลอการจ้างงานด้วย
"จอชชัว" หวังพาทัพกรีฑาไทยสู่เวทีโลก
จะกู้ออนไลน์ต้องรู้ทันโจร พร้อมลิงค์แหล่งเงินกู้ไฟเขียวจากแบงก์ชาติ
ภาพจาก AFP