เมื่อวานนี้ ( 2 ต.ค.) ชาวบราซิลผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 150 ล้านคนได้เดินทางไปยังหน่วยเลือกตั้ง เพื่อเลือกผู้ว่าการรัฐ และสมาชิกสภาท้องถิ่น รวมถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ไปจนถึงเลือกประธานาธิบดี
โดยสิ่งที่ผู้คนจับตามองคือการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งมีสองตัวเต็งคือ ประธานาธิบดีชาอีร์ โบลโซนาโร (Jair Bolsonaro)และอดีตประธานาธิบดีลูอิซ อินาชิโอ ลูลา ดา ซิลวา (Luiz Inacio Lula da Silva)
ผู้นำยูเครน เผยข่าวดี ยึดดินแดนกลับมา ได้อย่างต่อเนื่อง
เทน ฮาก เผยเหตุผลสำคัญ ไม่เปลี่ยน โรนัลโด้ ลงเกมแพ้ แมนฯ ซิตี้
ก่อนหน้านี้ผลสำรวจความคิดเห็นหลายครั้งที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า นายลูลา มีคะแนนนิยมทิ้งห่างประธานาธิบดีโบลโซนาโรราว 10-15% และมีแนวโน้มว่า เขาอาจสามารถกวาดคะแนนเสียงเกินครึ่ง ซึ่งจะทำให้ได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด โดยไม่ต้องมีการเลือกตั้งรอบสอง
และจากผลสำรวจดังกล่าว ทำให้ประธานาธิบดีโบลโซนาโร ขู่ว่า หากเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ศึกการเลือกตั้งครั้งนี้จะออกมาโต้แย้งผลคะแนนเลือกตั้ง เนื่องจากเขามองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีการโกงเกิดขึ้่น แต่ไม่ได้แสดงหลักฐานใดๆ เพื่อสนับสนุนคำพูดของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ทั้งนายลูลา และประธานาธิบดีโบลโซนา ซึ่งเป็นผู้สมัครตัวเต็ง ต่างก็มีชนักติดหลังทั้งคู่ โดยประธานาธิบดีโบลโซนา ซึ่งบริหารงานในช่วงการระบาดของโควิด-19 ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า ล้มเหลวในการจัดการโควิด จนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 686,000 คน
ขณะที่นายลูลา ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี 2 สมัยระหว่างปี 2003-2010 เคยต้องรับโทษจำคุกในคดีทุจริต แต่ต่อมาได้รับการตัดสินให้พ้นผิด และทำให้เขาได้กลับเข้ามาในสนามการเลือกตั้งอีกครั้งในปีนี้
ซึ่งระหว่างที่นายลูลาพ้นจากตำแหน่งเมื่อปี 2010 เขามีคะแนนนิยมสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 90% และได้รับยกย่องจากการทำให้ชาวบราซิลหลายล้านคนหลุดพ้นจากความยากจน ทำให้ผลสำรวจชี้ว่า เขาอาจจะได้รับชัยชนะในศึกการเลือกตั้งครั้งนี้
แม้ว่าผลการนับคะแนนเลือกตั้งของบราซิลยังไม่มีผู้สมัครคนใดได้คะแนนเสียงส่วนใหญ่ไปครอง ก็ต้องไปลุ้นกันต่อตอนสิ้นเดือน โดยนายลูลา ระบุว่า การรณรงค์หาเสียงการเลือกตั้งรอบที่สองจะเริ่มต้นในวันพรุ่งนี้ และมองว่าตัวเขาเองจะได้รับชัยชนะไปครอง