เป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์แล้วหลังจากที่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศระดมกำลังพลสำรองครั้งใหญ่ 300,000 นาย เพื่อไปเสริมทัพ “ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน” แต่รัสเซียดูจะประสบปัญหาหลายอย่างจากการประกาศระดมกำลังครั้งนี้ ทั้งการประท้วง การพยายามหลบหนี ไปจนถึงการทำร้ายเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร
ปัญหาสำคัญในการระดมกำลังพลครั้งใหญ่ของรัสเซีย อยู่ที่ความผิดพลาดในระบบการระดมพล ที่ทำให้ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว ผู้ที่มีลูกเล็ก และผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติ กลับได้รับหมายเรียกไปด้วย
รัสเซียเป็นงง ไม่รู้ว่าดินแดนยูเครนที่ผนวกมาคือตรงไหนบ้าง
ปูตินพูดอะไรบ้าง? ในการประกาศ “รวมแผ่นดิน” ผนวก 4 ภูมิภาคยูเครน
กลุ่มสิทธิมนุษยชนแฉ รัสเซียฝึกทหารใหม่แค่ 2 วันก่อนส่งไปรบในยูเครน
ล่าสุดการระดมกำลังพลรัสเซียในภูมิภาคคาบารอฟสก์ ทางตะวันออกไกลของรัสเซีย ก็ประสบปัญหา หลังเจ้าหน้าที่ระดับภูมิภาครายงานว่า มีชายชาวรัสเซียหลายพันคนที่ถูกเรียกตัวไปสู้รบต้องถูกส่งตัวกลับบ้าน เนื่องจากร่างกายไม่ผ่านเกณฑ์
มิคาอิล เดกตยาเรฟ ผู้ว่าการภูมิภาคคาบารอฟสก์ กล่าวว่า “จากเพื่อนร่วมชาติของเราหลายพันคนที่ได้รับหมายเรียกและมาถึงที่ทำการเกณฑ์ทหารในช่วง 10 วันที่ผ่านมา ประมาณครึ่งหนึ่งถูกส่งกลับบ้านเนื่องจากไม่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก”
เดกตยาเรฟกล่าวว่า เขายังได้สั่งปลด ยูริ ไลโก ผู้บัญชาการทหารประจำภูมิภาคที่ก่อความผิดพลาดในการเรียกตัวคนที่ไม่พร้อมมาเป็นทหาร และเรียกร้องให้หยุดความผิดพลาดใด ๆ ในกระบวนการระดมพล โดยยืนยันว่า การปลดไลโกออกจากตำแหน่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการระดมพลของปูติน
การระดมพลเพื่อต่อสู้ในยูเครนยังส่งผลให้ชายวัยฉกรรจ์หลายพันคนพยายามหนีออกนอกประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเกณฑ์ทหาร แม้ เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซียจะบอกว่าจะเกณฑ์เฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์ทางทหารและความเชี่ยวชาญพิเศษ แต่ในทางปฏิบัติกลับดูเหมือนจะไม่สนใจประวัติใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะสุขภาพ สถานะ และแม้กระทั่งอายุ
ขณะนี้มีผู้ประท้วงถูกจับกุมราว 2,000 คนในกว่า 30 เมือง และผู้ประท้วงชายบางคนก็ได้รับเอกสารการเรียกตัวไปเกณฑ์ทหารทันทีหลังถูกจับกุม ซึ่งรัสเซียกล่าวว่า เป็นเรื่องถูกกฎหมาย
เรียบเรียงจาก Reuters
ภาพจาก Reuters