ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ระบุว่าความสำเร็จของทหารยูเครน ตอนนี้ไม่จำกัดวงอยู่เพียงแค่การยึดเมืองลิมัน และขณะนี้ฝ่ายยูเครนเริ่มยึดคืนพื้นที่บางส่วนในภูมิภาคเคอ์ซอนได้แล้ว
โดยในการแถลงข่าวเมื่อช่วงค่ำวานนี้ ประธานาธิบดี เซเลนสกี เปิดเผยว่าทหารยูเครน ได้ยึดหมู่บ้านเล็กๆ 2 แห่งที่มีชื่อว่าอาร์คานเฮลสเก (Arkhanhelske) และไมโรลิวบีฟกา (Myrolyubivka) ซึงผู้นำยูเครนได้ขอบคุณทหารหน่วยพิเศษที่เสียสละตัวเองในการต่อสู้กับรัสเซีย
"ผมได้รับรายงานจากกองทัพทุกๆวัน อย่างน้อยวันละ 2 ช่วงคือตอนเช้าและตอนเย็นสัปดาห์นี้ รายงานที่มีความสำคัญที่สุดคือรายชื่อของพื้นที่หลายแห่งที่เรายึดคืนมาได้จากศัตรูจากปฏิบัติการป้องกันประเทศที่เดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง เรื่องราวการยึดคืนเมืองลิมันกลายเป็นเรื่องที่มีผู้สนใจติดตามจากสื่อมากที่สุด แต่ความสำเร็จของทหารยูเครนไม่มีเฉพาะที่เมืองลิมันเม่านั้น"
สำหรับเมืองลิมัน อยู่ในภูมิภาคโดเน็ตสก์ ซึ่ง เป็นหนึ่งใน 4 ดินแดนที่รัสเซียประกาศผนวกเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเช่นเดียวกับเคอร์ซอน ลูฮันสก์ และซาโปริสเซีย
โดยฝ่ายยูเครน ได้เผยแพร่คลิปวิดิโอหน้าสภาเทศบาลเมืองลีมัน และโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ ว่าสามารถปลดแอก และยึดเมืองลีมันในแคว้นโดเนตสก์คืนได้ เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยได้นำธงชาติรัสเซียลงจากหลังคาสภาเทศบาล และเชิญธงชาติยูเครนขึ้นไปแทน
กองกำลังยูเครน เปิดเผยว่า รัสเซียวางกำลังทหารอยู่ในเมืองนี้ราว 5,000 ถึง 5,500 นาย ก่อนถอนกำลังออกไป ขณะที่กระทรวงกลาโหมยูเครน ระบุว่า ทหารรัสเซียเกือบทุกนายในลิมัน มีทั้งถูกจับกุมและถูกสังหาร
โดยการสูญเสียเมืองลีแมน ถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดของรัสเซียในสงครามที่ยูเครน หลังจากที่กองกำลังยูเครนเริ่มยึดคืนพื้นที่ในเขตปกครองคาร์คิฟเมื่อเดือนที่แล้ว และกดดันทหารรัสเซียให้ถอยร่นประชิดชายแดน
ส่วนความคืบหน้าหลังจาก เซเลนสกี ประกาศยื่นขอสมัครเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาอแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต แบบเร่งด่วน ปรากฏว่าเมื่อวานนี้มี 9 ประเทศสมาชิกที่ออกแถลงการณ์ร่วมแสดงจุดยืนสนับสนุนให้รับยูเครนเข้ามาเป็นสมาชิก อย่างไรก็ตาม การอนุมัติเข้าเป็นสมาชิกใหม่ของนาโต ต้องได้รับการเห็นชอบจากทุกๆ ชาติสมาชิก ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 30 ประเทศ
ขณที่เซอร์ฮีย์ เฮย์ไดย์ ผู้ว่าการเขตปกครองลูฮันสก์ ซึ่งอยู่ติดกับโดเน็ตสก์ กล่าวว่า การยึดเมืองลีแมนคืนจากรัสเซียจะช่วยให้ยูเครนสามารถยึดพื้นที่ต่าง ๆ ที่สูญเสียไปกลับคืนจากรัสเซียได้มากขึ้น
ด้านนายรัมซัน คาดีรอฟ ผู้นำสาธารณรัฐเชเชนที่เป็นหนึ่งในสหพันธรัฐรัสเซีย และพันธมิตรของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ระบุว่าควรใช้มาตรการที่รุนแรงมากขึ้นด้วยการประกาศกฎอัยการศึกตามพื้นที่ชายแดนและใช้อาวุธนิวเคลียร์ที่มีอำนาจทำลายต่ำ
โดยก่อนหน้านี้ พันธมิตรระดับสูงคนอื่นๆ ของ ปูติน รวมถึงอดีตประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ แนะนำเช่นกันว่ารัสเซียอาจจำเป็นเลือกใช้อาวุธนิวเคลียร์
ขณะที่เมื่อวานนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้ตรัสต่อคริสตศาสนิกชนที่จตุรัสเซนต์ปีเตอร์ส ในนครวาติกัน โดยทรงเรียกร้องให้ประธานาธิบดี ปูติน ยุติการ "ก่อความรุนแรงและความตายที่ไม่จบสิ้น จากสงครามในยูเครน
พระองค์ทรงยังตรัสไปถึงประธานาธิบดี เซเลนสกี ด้วยว่า ขอให้เปิดใจรับข้อเสนอเพื่อสันติภาพอย่างจริงจัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวยูเครนจากสงครามครั้งนี้
นอกจากนี้ พระอง์ยังทรงเตือนถึงภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์ท่ามกลางความตึงเครียดที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยตรัสว่า "ขณะนี้สถานการณ์ที่ตึงเครียดกำลังเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ ก่อให้เกิดความหวาดกลัวไปทั่วและอาจส่งผลกระทบเป็นหายนะไปทั่วโลก"
พระดำรัสของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เมื่อวานนี้นับเป็นการเรียกร้องที่มีความจริงจังมากที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียส่งกำลังรุกรานยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งขณะนี้ล่วงเลยเข้าสู่เดือนที่ 8 แล้ว และมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีปูตินเพิ่งประกาศผนวกภูมิภาคทั้ง 4 แห่งของยูเครนเข้าเป็นของรัสเซียเมื่อวันศุกร์