โอเลก ทินคอฟ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ที่เคยออกมาต่อต้านการรุกรายูเครนของรัสเซีย ล่าสุดได้ประกาศสละสัญชาติรัสเซีย โดยบอกว่า ไม่ต้องการมีความเกี่ยวข้องกับประเทศนี้อีกต่อไป
ทินคอฟกล่าวว่า “ผมตัดสินใจที่จะทิ้งสัญชาติรัสเซีย ผมไม่สามารถและจะไม่ขอเกี่ยวข้องกับประเทศฟาสซิสต์แห่งนี้ที่เปิดฉากสงครามกับประเทศเพื่อนบ้านที่สงบสุข และเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ทุกวัน ๆ”
รัสเซีย โจมตีกรุงเคียฟอีกครั้ง ไฟฟ้าดับหลายพื้นที่
"รัสเซีย" ระงับร่วมข้อตกลง ส่งออกธัญพืชจากยูเครน อ้างมีโดรนทำลายเรือ
รัสเซียเผย เกณฑ์ทหารครบแล้ว ส่งไปยูเครนแล้ว 82,000 นาย
เขาเสริมว่า “ผมหวังว่ามหาเศรษฐีที่มีชื่อเสียงคนอื่น ๆ จะทำตามผม เพื่อที่เราจะได้ทำให้การปกครองและเศรษฐกิจของรัสเซียภายใต้ปูตินอ่อนแอลง และปราบเขาลงได้ในที่สุด”
ทินคอฟยังได้เผยแพร่ภาพใบรับรองว่าเขาสิ้นสุดการถือครอสัญชาติรัสเซียเรียบร้อยแล้ว “ผมเกลียดรัสเซียภายใต้ปูติน แต่รักชาวรัสเซียทุกคนที่ต่อต้านสงครามบ้า ๆ นี้”
ทินคอฟเป็นมหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง “ธนาคารทินคอฟฟ์”, เครือร้านค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า “เทคโนช็อก”, บริษัทอาหารแช่แข็ง “ดาเรีย”, เครือร้านอาหาร “ทินคอฟฟ์” และอีกหลากหลายธุรกิจ ก่อนหน้านี้เขาเป็นเศรษฐีที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 6-8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (2.3-3 แสนล้านบาท)
อยางไรก็ตาม ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศเริ่ม “ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน” จนธุรกิจในรัสเซียถูกคว่ำบาตรจากตะวันตก ซึ่งธุรกิจของทินคอฟก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ประกอบกับเขาออกมาวิพากษ์วิจารณ์และคัดค้านการรุกรานยูเครน ทำให้ถูกทางการรัสเซียกดดัน พยายามเปลี่ยนธนาคารทินคอฟฟ์ให้กลายเป็นธนาคารรัฐ จนท้ายที่สุดเขาต้องยอมขายหุ้นทิ้ง 35%
ฟอร์บส์คาดการณ์ว่า ปัจจุบันทินคอฟเหลือมูลค่าทรัพย์สินรวมเพียง 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3 หมื่นล้านบาท) หรือหายไปกว่า 90% จากมูลค่าทรัพย์สินเดิม
เรียบเรียงจาก The Guardian
ภาพจาก AFP