ทวิตเตอร์ เริ่มเก็บค่า "บลูมาร์ก" ยืนยันตัวตน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




"ทวิตเตอร์" เริ่มทดลองเก็บค่าบริการกับผู้ใช้งาน ที่ต้องการมี "บลูมาร์ก" หรือเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้า เพื่อแสดงว่าเป็นบัญชีที่ได้รับการยืนยันตัวตนแล้ว

เมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) ทวิตเตอร์ได้ทำการอัปเดตแอปพลิเคชันที่อยู่ในแอปสโตร์ ของแอปเปิล เพื่อเริ่มเก็บค่าบริการเดือนละ 7.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 297 บาท จากผู้ใช้งานระบบ iOS ในบางประเทศ ที่สมัคร Twitter Blue หรือบริการจ่ายเงินเพื่อให้ได้ฟีเจอร์พิเศษ ซึ่งรวมถึง "บลูมาร์ก" หรือเครื่องหมายที่แสดงว่าบัญชีดังกล่าวได้รับการตรวจสอบเพื่อยืนยันตัวตน (Verified) แล้ว ซึ่งพบเห็นได้บ่อยในบัญชีที่เป็นของบุคคลสาธารณะ คนดัง สำนักข่าว หรือหน่วยงานต่าง ๆ

“ทวิตเตอร์” ยืนยันปลดพนักงานออก 50 % รวมแผนกคัดกรองเนื้อหา

“อีลอน มัสก์” ยุบบอร์ดบริหารทวิตเตอร์ทิ้งทั้งคณะ

แต่ยังไม่มีรายละเอียดแน่ชัดว่า บริษัทจะตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้งานทั่วไปที่เสียค่าบริการรายเดือนอย่างไร

นอกจากบลูมาร์กแล้ว ยังมีสิทธิพิเศษอื่น ๆ ที่ผู้สมัครใช้งานใหม่จะได้รับ อาทิ โฆษณาจะปรากฏในฟีดลดลง และสามารถโพสต์คลิปวิดีโอที่ยาวกว่าผู้ใช้งานปกติได้

ความเคลื่อนไหวนี้เป็นไปตามนโนบายของ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก ซึ่งเข้าซื้อกิจการของทวิตเตอร์เมื่อปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม มีความกังวลว่า หากผู้ใช้งานทั่วไปที่จ่ายเงินรายเดือน สามารถติดบลูมาร์กหลังชื่อได้ ต่อไปอาจมีคนพยายามอ้างตัวเป็นคนมีชื่อเสียง หน่วยงาน หรือสำนักข่าวกันมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ความน่าเชื่อถือของบัญชีผู้ใช้งานในทวิตเตอร์ลดลง

อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่เรียกเสียงฮือฮา คือ การปลดพนักงานราว 3,700 ตำแหน่ง หรือคิดเป็น 50% ของพนักงานในบริษัททั้งหมด ซึ่งมัสก์ยืนยันว่า จำเป็นต้องลดต้นทุนของบริษัท และไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว โดยพนักงานทุกคนที่ถูกเลิกจ้างจะได้รับเงินชดเชย 3 เดือน ซึ่งสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด

เรื่องนี้ แจ็ก ดอร์ซีย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตซีอีโอของทวิตเตอร์ ได้ออกมาขอโทษพนักงานของบริษัทที่ถูกเลย์ออฟ เขาตระหนักดีว่าหลายคนคงโกรธ เขามีส่วนต้องรับผิดชอบที่ทำให้ทุกคนต้องมาเจอสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ เพราะเขาเองทำให้บริษัทเติบโตเร็วเกินไป

สำหรับนายดอร์ซีย์ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์ในปี 2006 ก่อนจะลาออกจากตำแหน่งซีอีโอเมื่อปีที่แล้ว และออกจากบอร์ดบริหารเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเขาสนับสนุนการเทกโอเวอร์กิจการโดยมัสก์ พร้อมระบุว่า นี่คือหนทางที่ถูกต้องของทวิตเตอร์

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้ส่งหนังสือถึงมัสก์ ผู้เป็นเจ้าของคนใหม่ของทวิตเตอร์ โดยเรียกร้องให้เขายึดหลักสิทธิมนุษยชน และสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความเห็น เป็นนโยบายหลักในการบริหารจัดการบริษัท แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่มองข้ามภัยอันตรายจากการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ หรือข้อความที่สร้างความเกลียดชัง (Hate Speech) ด้วย 

เรื่องที่คุณอาจพลาด
วิดีโอยอดนิยม

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์


TOP ต่างประเทศ

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ