มุมสูงจากโดรน ที่เผยให้เห็นสภาพของเมืองบัคมุต ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ในแคว้นโดเนตสก์ จากภาพจะเห็นว่าสภาพของเมืองแห่งนี้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และมีเสียงระเบิดดังกึกก้องอยู่เป็นระยะๆ อาคารบางแห่งมีไฟลุกไหม้จากการปะทะกันของทั้งสองฝ่าย บางแห่งเสียหายและเหลือไว้เพียงเศษซากของอาคารที่ถูกไฟไหม้
นี่เป็นผลจากการต่อสู้อย่างหนักของทั้งสองฝ่ายตลอดเกือบ 4 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากที่ตั้งของเมืองแห่งนี้สามารถกำหนดทิศทางและอนาคตของสงครามยูเครนได้
ยูเครนเร่งกู้ไฟฟ้า-น้ำประปา หลังรัสเซียโจมตีต่อเนื่อง
สหรัฐฯ-ยุโรปคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่ม “ปูติน” ลั่นมีแผนสำรอง
แผนที่แสดงที่ตั้งของเมืองบัคมุต เมืองเล็กๆ ในแคว้นโดเนตสก์ ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 41.6 ตารางกิโลเมตร หรือขนาดเท่าพื้นที่เขตบางเขนของกรุงเทพมหานคร
จากแผนที่จะเห็นได้ว่าเมืองแห่งนี้ ตั้งอยู่ตรงจุดที่เป็นสะพานเชื่อมหรือศูนย์กลางในการลำเลียงเสบียงไปยังทั้งแคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ หมายความว่าหากฝ่ายใดยึดพื้นที่ตรงนี้ได้ จะสามารถควบคุมการขนส่งเสบียงต่าง ๆ ไปยังทั้งสองภูมิภาคได้
เมืองบัคมุตแห่งนี้ได้กลายมาเป็นเป้าหมายหลักของฝั่งรัสเซีย ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่ทางยูเครนสามารถจับแผนการณ์ของรัสเซียได้ และตรึงกำลังในพื้นที่ไว้เกือบทุกตารางนิ้ว
นี่ทำให้เราไม่ค่อยการเปลี่ยนแปลงสำคัญในพื้นที่ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา เพราะรัสเซียไม่สามารถรุกคืบยึดพื้นที่เพิ่มได้
อย่างไรก็ดี ตอนนี้สถานการณ์ของสนามรบเปลี่ยนแปลงไปมากขึ้น เพราะรัสเซียเริ่มย้ายกำลังและสรรพาวุธเข้ามายังพื้นที่แห่งนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
เอสเรฟ ยาลินคิลิชลี ผู้เชี่ยวชาญด้านยูเรเซียศึกษาของสำนักข่าว TRT World ของตุรกีอธิบายเหตุผล ในการทุ่มกำลังของรัสเซียไปยังเมืองบัคมุตว่า รัสเซียกำลังต้องการเรื่องราวหรือชัยชนะเพื่อนำไปประกาศต่อสาธารณชน
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียเผชิญกับความสูญเสียครั้งสำคัญหลายครั้งในสนามรบ ไม่ว่าจะเป็นความพ่ายแพ้ในแคว้นเคอร์ซอน จนต้องถอนทหารทั้งหมดออกจากพื้นที่ ซึ่งแคว้นเคอร์ซอนแห่งนี้เป็นแคว้นเดียวที่รัสเซียยึดได้โดยสมบูรณ์ นับตั้งแต่เข้ามารุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการโดนโจมตีด้วยโดรนในฐานทัพอากาศ 3 แห่ง ได้แก่ ฐานทัพอากาศเอนเกลส์ ในนครซาราตอฟ ฐานทัพอากาศเดียกลิเลโว ในเมืองเรียซาน และฐานทัพอากาศที่เมืองคูร์สก์ จนเครื่องบินรบรุ่นเรือธงเสียหายไปหลายลำ
ผู้เชี่ยวชาญด้านยูเรเซียศึกษา อธิบายเพิ่มเติมว่า รัสเซียไม่สามารถยอมแพ้ในเมืองบัคมุตได้ เนื่องจากความพ่ายแพ้อาจทำให้ฝั่งรัสเซียสูญเสียการควบคุมพื้นที่ทั้งหมดในภูมิภาคดอนบาส และความพยายามที่รัสเซียทำมาตลอดเกือบ 10 เดือนจะไม่มีความหมายใดๆ เลย
ตอนนี้นักวิเคราะห์จากชาติตะวันตกประเมินไปในทิศทางเดียวกันว่า ทางฝั่งรัสเซียจะทุ่มกำลังไปที่บัคมุตมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อยึดเมืองแห่งนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งตอนนี้ก็มีหนึ่งสัญญาณที่เป็นหลักฐานว่ารัสเซียกำลังเทหมดหน้าตักเพื่อยึดเมืองบัคมุต
นั่นคือการใช้กลุ่มแวกเนอร์หรือกลุ่มนักรบรับจ้างเข้าไปร่วมรบ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สำนักข่าวนิวส์วีก (Newsweek) ของสหรัฐฯ รายงานพร้อมเผยแพร่คลิปวิดีโอที่ระบุว่า กองทัพยูเครนได้สังหารกลุ่มนักรบแวกเนอร์ของรัสเซียในพื้นที่แห่งหนึ่งที่ถูกระบุว่าเป็นป่าในเมืองบัคมุต
โดยนักรบแวกเนอร์ที่ถูกสังหารคือ เครือข่ายนักรบรับจ้าง ขึ้นชื่อในเรื่องความโหดเหี้ยม ถูกจ้างไปปฎิบัติการรบในพื้นที่สงครามเช่นในแอฟริกาตะวันตก รวมถึงสงครามในซีเรีย
ก่อนหน้านี้ที่มาที่ไปของกลุ่มนี้ค่อนข้างลึกลับ โดยมีกระแสข่าวระบุเพียงว่า ผู้ก่อตั้งและเจ้าของคือ เยฟเกนี ปริโกซิน หนึ่งในมหาเศรษฐีหรือ กลุ่มโอลิกาช (Oligarch) ของรัสเซีย โดยเยฟเกนีมีความใกล้ชิดและสนิทสนมกับประธานาธิบดีปูตินมาก
อย่างไรก็ดี จำนวนของนับรบแวกเนอร์ไม่แน่ชัด แต่คาดกันว่าอยู่ในราว 5,000-8,000 คน ส่วนใหญ่เป็นอดีตทหารรัสเซียที่ได้รับการฝึกฝนเพิ่มเติมสำหรับการปฏิบัติภารกิจลับหรือพิเศษ
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นอย่างหนักและการพบกลุ่มนักรบรับจ้างในแคว้นบัคมุตคือ สัญญาณที่ชัดเจนว่า หลังจากนี้โลกอาจได้เห็นภาพการต่อสู้ที่รุนแรงที่นี่เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นที่เมืองมาริอูปอลเมื่อ 4-5 เดือนก่อน
อย่างไรก็ดี นอกจากบัคมุตแล้ว รัสเซียโจมตียังได้โจมตีพื้นที่อื่น ๆ ของยูเครนด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นแคว้นเคอร์ซอนที่ยูเครนยึดคืนมาได้ และกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน
เริ่มต้นที่แคว้นเคอร์ซอนทางตอนใต้ของยูเครน เมื่อวานนี้ กาลีนา ลูโกวา หัวหน้าหน่วยทหารในแคว้นเคอร์ซอนเปิดเผยว่า รัสเซียได้โจมตีพื้นที่รอบนอกของแคว้นเคอร์ซอนถึง 12 ครั้ง
ผลจากการโจมตีอาคารต่าง ๆ ได้รับความเสียหาย มีผู้เสียชีวิต 2 รายและบาดเจ็บอีก 4 ราย ประชาชนในพื้นที่เล่าว่า พวกเขากังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถอพยพไปจากพื้นที่ได้ เนื่องจากไม่มีเงิน
นอกจากแคว้นเคอร์ซอน อีกพื้นที่หนึ่งที่ถูกโจมตีคือ กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า รัสเซียได้ใช้โดรนจำนวน 15-20 ลำ โจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของยูเครนในกรุงเคียฟ ตอนช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้เกิดเพลิงลุกไหม้ในบริเวณดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ไม่มีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น