ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ พร้อมด้วยภรรยาจิล ไบเดน ให้การต้อนรับ ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกีผู้นำยูเครนที่เดินทางถึงกรุงวอชิงตันเมื่อคืนที่ผ่านมา ก่อนที่ผู้นำทั้งสองประเทศจะได้หารือกันที่ห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว (Oval Office) ระหว่างการพูดคุยกัน ประธานาธิบดี ไบเดน ได้ยกย่องในความกล้าหาญของชาวยูเครนี่ยืนหยัดต่อสู้กับการรุกรานอันโหดร้ายจากประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่มุงโจมตีเป้าหมายพลเรือน และใช้ฤดูหนาวนี้เป็นอาวุธในการทำสงคราม
ปธน.ยูเครน เยือนสหรัฐฯ รัสเซียระบุยิ่งเพิ่มความขัดแย้ง
รัสเซีย ยืนกรานทำสงครามกับยูเครนต่อเนื่อง ลั่นเทศกาลคริสต์มาสก็จะไม่หยุดยิง
โดยผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันว่าจะสนับสนุนยูเครนในการต่อสู้เพื่อสันติภาพ และดำเนินการกับรัสเซียอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ได้มอบเหรียญประจำกองทัพ ซึ่งนายทหารหน่วยยิงขีปนาวุธไฮมาร์สที่สหรัฐฯมอบแก่ยูเครน ฝากนำมาให้ไบเดน โดย ประธานาธิบดี เซเลนสกีได้ ขอบคุณ ผู้นำสหรัฐฯ ที่เป็นแกนนำชาติตะวันตกส่งให้ความช่วยเหลือให้แก่ยูเครน
อย่างไรก็ตาม เซเลนสกีย้ำว่าสันติภาพกับรัสเซียจะต้องไม่ใช่การยอมประณีประนอมในเรื่องอธิปไตย และ บูรณภาพเหนือดินแดนของยูเครนเอง ในเวลาเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการที่จะส่งมอบระบบต้านขีปนาวุธแพทริออตและจัดฝึกอบรมการใช้อาวุธชนิดนี้ให้แก่บุคลากรของกองทัพยูเครน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการให้ความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมเป็นมูลค่าประมาณ 1,800 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 60,000 ล้านบาท
โดยระบบต่อต้านขีปนาวุธที่สหรัฐฯจะมอบให้ภายใต้ความช่วยเหลือครั้งล่าสุดนี้ จะประกอบไปด้วยแบตเตอรี่ 1 ชุด ห้องบัญชาการ 1 ห้อง เครื่องยิงขีปนาวุธหลายลำกล้อง และสถานีเรดา 1 แห่งที่จะทำหน้าที่ตรวจจับทิศทางการโจมตี นอกจาก นี้สหรัฐฯจะมอบกระสุนปืนใหญ่เพิ่มอีกหลายหมื่นลูก จรวด กระสุนรถถัง ปืนครก เครื่องยิงลูกระเบิด และ เสื้อเกราะกันกระสุน
ส่วนความเคลื่อนไหวของฝ่ายรัสเซีย เมื่อวานนี้ประธานาธบิดี วลาดิเมียร์ ปูติน ได้ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝ่ายความมั่นคงในกรุงมอสโก โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้กำหนดกรอบวงเงินงบประมาณไว้สำหรับการนำระบบและอุปกรณ์ต่างๆ มาใช้ในการสู้รบ พร้อมสัญญาว่ารัฐบาลจะให้การสนับสนุนทุกอย่างตามที่กองทัพร้องเพื่อบรรลุเป้าหมายในการต่อสู้กับยูเครนที่กินระยะเวลามานถึง 10 เดือนแล้ว
โดย ประธานาธิบดี ปูติน ยังได้ประกาศแผนการเพื่มจำนวนกำลังพลประจำหน่วยรบต่างๆเป็น 1.5 ล้านนาย โดยจำนวนที่เพิ่มขึ้นมานั้นจะต้องรวมทหารอาสา 695,000 นายเข้าไปด้วย แต่ไม่ได้กล่าวว่าจะเพิ่มกำลังทหารจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อใด
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดี ปูติน เรียกร้องกองทัพและกระทรวงกลาโหมเปิดใจรับฟังคำวิจารณ์ต่างๆและถอดบทเรียนจากปัญหาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการในยูเครน เพื่อนำมาแก้ไขให้ถูกต้อง และ ทันท่วงที เช่นการระดมกำลังสำรองที่ผู้นำรัสเซียอมรับอีกครั้งว่าเกิดปัญหาหลายๆ ด้าน
นอกจากนี้ ประธานาธบดี ปูติน ยังยืนยันว่ารัสเซียไม่ใช่ฝ่ายผิดในสงครามยูเครน และรัสเซียยังมองชาวยูเครนเป็นพี่น้องกันเสมอมา แต่ผู้นำรัสเซียได้กล่าวหาชาติตะวันตกว่ายั่วยุให้เกิดความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามยาวนานหลายศตวรรษในการทำให้รัสเซียอ่อนแอและล่มสลายไปในที่สุด
ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ยังได้ประกาศแผนจัดตั้งหน่วยงานของกองทัพใหม่ทางตะวันตกของประเทศ เพื่อเป็นแผนถ่วงดุลอำนาจฟินแลนด์และสวีเดน ที่กำลังจะเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต
