คริสตาลินา จอร์เจียวา กรรมการผู้จัดการ กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF กล่าวในรายการ Face the Nation ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ PBS ของสหรัฐอเมริกาว่า ปีนี้จะเป็นปีที่ประเทศส่วนใหญ่ในโลกประสบกับปัญหาเศรษฐกิจที่หนักกว่าเดิม เนื่องเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก 3 แห่งอย่างสหรัฐ สหภาพยุโรป และจีน กำลังชะลอตัวลงพร้อมๆกัน
โดย IMF คาดการณ์ว่าในปีนี้ เศรษฐกิจโลกจะเติบโตเพียงร้อยละ 2.7 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบ 24 ปี นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกเมื่อปี 2001
กองทัพรัสเซีย ไม่สนคืนส่งท้ายปี ระดมยิงขีปนาวุธระลอกใหม่ในยูเครน
นาโต สะกิดชาติพันธมิตรตะวันตก เตรียมช่วยเหลือยูเครนในระยะยาว
และคาดว่า 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ โดยแม้แต่ประเทศที่ไม่ได้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผู้คนหลายร้อยล้านคนก็จะรู้สึกถึงภาวะถดถอยด้วยเช่นกัน
ปัจจัยลบที่ทำให้เกิดสถานการณ์นี้คือ สงครามยูเครน รัสเซียและยูเครนถือเป็นผู้ส่งออกสินค้าสำคัญรายใหญ่ อย่างพลังงานและสินค้าการเกษตร ซึ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก
หลังจากเกิดสงคราม รัสเซียซึ่งเป็นผู้ส่งออกพลังงานรายใหญ่ของโลก ตัดสินใจยุติการส่งพลังงานให้หลายประเทศในสหภาพยุโรปจนทำให้เกิดวิกฤตพลังงาน และต่อเนื่องไปที่สภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก
โดยสหภาพยุโรปได้รับผลกระทบหนักที่สุด เงินเฟ้อของเขตยูโรโซนเฉลี่ยไปอยู่ที่ร้อยละ 10 สูงที่สุดในรอบหลายสิบปี ขณะที่ในสหรัฐเงินเฟ้อไปแตะที่เฉลี่ยร้อยละ 8 จนทำให้ธนาคารกลางหรือเฟดต้องใช้นโยบายดอกเบี้ยที่แข็งกร้าวเพื่อกดเงินเฟ้อ มีการขึ้นดอกเบี้ยหลายครั้งเมื่อปีที่แล้ว จนดอกเบี้ยจากที่เคยอยู่ที่ร้อยละ 0% ในเดือนมีนาคม ขึ้นมาเป็นร้อยละ 4.5 ในปัจจุบัน
เมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา IMF เคยออกมาเตือนถึงความเสี่ยงของเศรษฐกิจในปี 2023 แล้วครั้งหนึ่ง โดยในคราวนั้น IMF ระบุว่า ถ่าสงครามในยูเครนยืดเยื้อต่อไป เราจะได้เห็นสิ่งที่เลวร้าย นั่นก็คือ สภาวะเศรษฐกิจถดถอยซึ่งจะปรากฎให้เห็นในปี 2023
ในวันที่สงครามในยูเครนกำลังฉุดเศรษฐกิจโลกในลงเหว คำถามคือ มีโอกาสหรือไม่ที่สงครามครั้งนี้จะยุติลงในเร็วๆนี้
ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี 2022 มีการส่งสัญญานเรื่องการพูดคุยสันติภาพออกมาจากทั้งฝั่งของยูเครนและรัสเซีย
วันที่ 26 ธันวาคม ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียให้สัมภาษณ์ในรายการของช่องรัสเซียอะดีน หรือ รัสเซียวัน (Russia 1) ระบุว่า รัสเซียพร้อมเจรจากับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่มีเงื่อนไขและมีวิธีที่รัสเซียยอมรับได้
หลังจากนั้นอีก 1 วัน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนได้โทรศัพท์หา นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ขอให้อินเดียที่จะเป็นประธานการประชุม G20 ในวาระปี 2023 ผลักดันสูตรสันติภาพที่เขาเสนอ
ร่างของสูตรสันติภาพของผู้นำยูเครนหลักๆมี 10 ข้อ หนึ่งในข้อที่สำคัญที่สุดคือ เคารพบูรณภาพดินแดนของยูเครนที่ได้รับการรับรองจากประชาคมโลก หมายความว่าอย่างไร
หมายความว่า รัสเซียต้องถอนทหารออกจากดินแดนที่ยึดไปจากยูเครนนั่นก็คือ แคว้นโดเนตสก์ ลูฮันสก์ ซาโปริซเซีย เคอร์ซอน รวมถึงไครเมีย
รัสเซียประกาศว่า ยูเครนต้องยอมรับว่าแคว้นโดเนตสก์ ลูฮันสก์ ซาโปริซเซีย และเคอร์ซอนเป็นของรัสเซีย ซึ่งยูเครนไม่มีทางยอม
อีก 1 วันต่อมาเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียออกมาดับฝันการเจรจาสันติภาพ โดยระบุว่ารัสเซียเห็นไม่ตรงกับยูเครนในเรื่องบูรณภาพแห่งดินแดน โดยแคว้นโดเนตสก์ ลูฮันสก์ ซาโปริซเซีย และเคอร์ซอนเป็นของรัสเซีย และตราบใดที่เห็นไม่ตรงกัน สงครามก็จะยังไม่ยุติ
หลังจากนั้นรัสเซียก็โจมตียูเครนอย่างหนักตั้งแต่ช่วงกลางดึกของคืนวันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม จนเข้าสู่เช้าวันนี้ ( 2 มกราคม) โดยจุดที่ถูกโจมตีอย่างหนักคือที่เคียฟเมืองหลวง
รัสเซียได้ระดมยิงทั้งขีปนาวุธและส่งโดรนโจมตีไปที่โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน กองทัพยูเครนเปิดเผยว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศสามารถสกัดขีปนาวุธได้ 12 ลูกจากทั้งหมด 20 ลูก โดยลูกที่หลุดจากการสกัดได้เข้าทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานส่งผลให้กระแสไฟฟ้าดับในหลายจุดของเมือง อย่างไรก็ตาม ชาวยูเครนไม่หวั่น มีการตะโกนร้องเพลงปลุกปลอบใจท่ามกลางความมืดมิด
วิตาลี คลิตเชนโก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟกล่าวว่า การระดมโจมตีของรัสเซียในช่วงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่และยาวมาจนถึงเช้าวันนี้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 3 คนและบาดเจ็บอย่างน้อย 20 คน
ท่าทีของรัสเซียทั้งเรื่องของการเจรจาและการโจมตีหนักช่วงปีใหม่ทำให้หลายฝ่ายมองตรงกันว่า สงครามน่าจะยังไม่สิ้นสุดเร็วๆนี้และการขึ้นโต๊ะเจรจาก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยาก
นอกเหนือจากสงครามยูเครนที่ยืดเยื้อจะกระทบกับเศรษฐกิจโลกอย่างหนักจนทำให้ IMF ออกมาเตือนว่าปีนี้จะเสี่ยงมากกว่าปีที่ผ่านมาแล้ว
อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อนอกจากนี้อีกหนึ่งเศรษฐกิจโลก คือสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ประเทศจีน