รัฐมนตรีว่าการกระทรวกลาโหมฝรั่งเศสสัญญาจะส่งมอบอาวุธเพิ่มเติมให้แก่ยูเครน ที่มีทั้ง รถบบรทุกติดตั้งปืนใหญ่ และ อุปกรณ์ป้องกันภัยทางอากาศ แต่ยังไม่แสดงท่าทีตอบรับในเรื่องการส่งเครื่องบินรบ ตามที่ยูเครนร้องขอ
ระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับ นาย โอเล็กไซ เรซนิคอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครน ที่เดินทางเยือนกรุงปารีสเมื่อวานนี้
นาย เซบาสเตียน เลอคอร์นู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมฝรั่งเศส ได้ย้ำจุดยืนของรัฐบาลฝรั่งเศสถึงประเด็นการส่งมอบเครื่องบินรบให้แก่ยูเครนว่า
DTAC กำไรปี 65 วูบ 7.1% เหลือ 3,119 ล้านบาท แข่งขันสูง-รายได้ ARPU ลด
"แมนยู" งานเข้า "เอริกเซ่น" เจ็บหนักพัก 3 เดือน
โดยหลักการแล้วฝรั่งเศสไม่มีข้อห้ามในการส่งเครื่องบินรบให้ประเทศอื่น
แต่การตัดสินใจในเรื่องนี้ต้องไม่ทำให้กองทัพของประเทศมีขีดความสามารถที่ลดลง และ ต้องแน่ใจว่าจะเป็นการใช้งานเพื่อปกป้องประเทศตนเองเท่านั้น
โดย เลอเคอร์นู เปิดเผยว่า ฝรั่งเศส และ ยูเครน ได้เคยพูดคุยกันเกี่ยวกับการฝึกทหารยูเครนเพื่อขับเครื่องบินรบของฝรั่งเศสมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะส่งเครื่องบินไปช่วยรบยูเครนหรือไม่
ส่วนนาย เรซนิคอฟ ระบุว่าการเดินมาเยือนกรุงปารีสคราวนี้ไม่ได้หยิบยกเรื่องการส่งเครื่องบินรบขึ้นมาหารือแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เลอเคอร์นู เปิดเผยว่ารัฐบาลฝรั่งเศสจะมอบรถบรรทุกติดตั้งระบบปืนใหญ่ฮาวิตเซอร์ ที่มีชื่อย่อตามภาษาฝรั่งเศสว่าซีซาร์ เพิ่มเติมอีกจำนวน 12 คัน จากเดิมที่ส่งมอบให้ยูเครนไปแล้ว 18 คันก่อนหน้านี้
โดยรถบรรทุกติดตั้งปืนใหญ่ซีซาร์ได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมากในการสู้รบเมื่อปีก่อน เนื่องจากช่วยให้ยูเครนสามารถโจมตีได้ลึกถึงพื้นที่หลังแนวทหารรัสเซีย จนกลายเป็นอุปสรรคในการบุกไปข้างหน้า
สำหรับรถบรรทุกซีซาร์นี้ติดตั้งปืนใหญ่ที่มีความกว้างปากลำกล้อง 155 มิลลิเมตร สามารถระดมยิงโจมตีเป้าหมายได้อย่างแม่นยำภายในระยะ 40 กิโลเมตร อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนตำแหน่งที่ตั้งได้อย่างรวดเร็วก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะสามารถระบุพิกัดและยิงตอบโต้ได้
นอกจากนี้ เลอร์เคอนู ยังระบุว่าฝรั่งเศสจะจัดส่งระบบเรดาร์ที่สามารถตรวจจับเครื่องบินของศัตรู จรวด และ โดรนที่บินต่ำ ภายในรัสมี 250 กิโลเมตร ให้แก่ยูเครนเช่นกัน
ขณะที่ นายกุยโด โครเซ็ตโต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิตาลีแสดงความกังวลว่าหากรถถังของรัสเซียบุกมาถึงกรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครนได้สำเร็จ สถานการณ์สู้รบอาจถูกยกระดับเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 เพราะจะทำให้รัสเซียสามารถประชิดพรมแดนด้านตะวันออกของยุโรป ดังนั้นจึงต้องหาทางหยุดยั้งรถถังรัสเซียไม่ให้สามารถเดินทางมาถึงกรุงเคียฟ ได้