รายงานของกลุ่มที่มีชื่อว่า NatureServe เปิดเผยว่า พืชและสัตว์จำนวนมากในสหรัฐกำลังเสี่ยงสูญพันธุ์ โดยพบว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของสัตว์ และ 34 เปอร์เซ็นต์ของพันธุ์พืช ตกอยู่ในความเสี่ยงดังกล่าว ขณะที่ 41 เปอร์เซ็นต์ของระบบนิเวศกำลังเผชิญหน้ากับการล่มสลายได้
โดยนักวิชาการระบุว่า เมื่อแหล่งที่อยู่อาศัยและสายพันธุ์ต่างๆ เริ่มต้นที่จะสูญพันธุ์หรือมีจำนวนลดลง ในท้ายที่สุดก็สามารถก่อให้เกิดการล้มสลายของแหล่งที่อยู่อาศัยนั้นได้
ไบแนนซ์เตรียมระงับการโอนเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ 8 ก.พ. นี้
ยูเอ็นห่วงสงครามยูเครน-รัสเซีย ขยายวง
รายงานยังระบุอีกว่า สัตว์หลายสายพันธุ์ ตั้งแต่กุ้งเครย์ฟิช ไปจนถึงพืชอย่าง กาบหอยแครง ซึ่งเป็นพืชกินแมลง กำลังตกอยู่ในอันตรายที่อาจจะสูญพันธุ์และหายไปได้
ทั้งนี้ รายงานฉบับดังกล่าวได้รับการวิเคราะห์ จากการรวบรวมข้อมูลจาากเครือข่ายนักวิทยาศาสตร์กว่า 1 พันคนทั่วประเทศสหรัฐและแคนาดา
โดยรองประธานของ NatureServe เปิดเผยด้วยว่า หอยน้ำจืดเองก็ตกอยู่ในสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงจะสูญพันธุ์ ซึ่งถึงแม้มันจะไม่ใช่สัตว์ที่เราจะรู้สึกว่าเห็นแล้วน่าตื่นเต้น แต่มันก็มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ เพราะว่ามันเป็นเหมือนฟิลเตอร์ คอยกรองน้ำ และทำให้น้ำสะอาด
รายงานดังกล่าวยังระบุไปยังพื้นที่ที่เสี่ยงได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด โดยรัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐเท็กซัส และพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐ เป็นจุดที่ทั้งพืช สัตว์ และระบบนิเวศ ตกอยู่ในความเสี่ยง
NatureServe ยังระบุด้วยว่า ผลลัพธ์จากรายงานชิ้นนี้นั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง และพวกเขาหวังว่า มันจะช่วยทำให้บรรดาสมาชิกนิติบัญญัติผู้ออกกฎหมาย เข้าใจว่ามันเร่งด่วนเพียงใดกับการที่ต้องผ่านกฎหมายคุ้มครองสัตว์และพืชเหล่านี้ และแสดงให้รัฐบาลท้องถิ่นของรัฐต่างๆ ได้เข้าใจว่า จำเป็นต้องมีการคุ้มครองพื้นที่เพื่ออนุรักษ์สายพันธุ์พืชและสัตว์เอาไว้