อวกาศเป็นของใคร? เมื่อการศึกษาอวกาศกำลังกลายเป็น “การล่าอาณานิคม”


โดย PPTV Online

เผยแพร่




นักวิทย์ออกมาเตือนเรื่อง “จริยธรรมการสำรวจอวกาศ” หลังการศึกษาอวกาศในปัจจุบันกำลังจะกลายเป็นการล่าอาณานิคมในอวกาศ

มนุษย์ คือสิ่งมีชีวิตทรงภูมิที่สถาปนาตัวเองเป็นผู้ครองโลก แสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรบนโลกไม่หยุดหย่อน และสร้างความเสียหายต่อโลกมหาศาล เมื่อโลกเริ่มเสื่อมถอย “การสำรวจอวกาศ” ก็เป็นเป้าหมายใหม่ของมนุษย์ โดยเฉพาะชาติมหาอำนาจ ที่ต้องการตักตวงผลประโยชน์จากสิ่งที่อยู่นอกโลก

นาซาของสหรัฐฯ ไม่เคยปกปิดความปรารถนาที่จะขุดแร่โลหะบนดวงจันทร์ ขณะที่จีนก็กระตือรือร้นที่จะสกัดทรัพยากรจากดวงจันทร์เช่นกัน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่นักวิทยาศาสตร์บางส่วนนิยามว่าเป็น “การสำรวจอวกาศแบบล่าอาณานิคม”

รื้อทฤษฎีต้นกำเนิดจักรวาล? พบกาแล็กซีโบราณที่ไม่น่าจะมีตัวตนอยู่

โครงข่ายฝุ่นก๊าซ “เจมส์ เว็บบ์” เปิดภาพดาวฤกษ์ก่อตัวในกาแล็กซีก้นหอย

“การระเบิดที่สมบูรณ์แบบ” ชมภาพ “กิโลโนวา” ทรงกลมสุดหายาก

ดร.พาเมลา คอนราด จากสถาบันวิทยาศาสตร์คาร์เนอจี ซึ่งเข้าร่วมงานเสวนาจริยธรรมการสำรวจอวกาศของสมาคมอเมริกันเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ (AAAS) กล่าวว่า โลกไม่ควรโฟกัสอยู่ที่การแสวงหาประโยชน์จากการสำรวจอวกาศหรือการค้นพบดาวดวงใหม่ โดยควรยึดหลักการตาม Prime Directive (คำสั่งอันดับหนึ่ง) ขององค์กรสตาร์ฟลีตในภาพยนตร์แนวอวกาศชื่อดังอย่าง Star Trek

ในซีรีส์ Star Trek คำสั่ง Prime Directive กำหนดไว้ว่า “สตาร์ฟลีตไม่ควรแทรกแซงการพัฒนาทางสังคม วัฒนธรรม หรือเทคโนโลยีของดาวดวงอื่น”

คอนราดบอกว่า พูดโดยง่ายก้คือ แทนที่จะทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของหรือฉกชิงทรัพยากรจากอวกาศ มนุษย์ควรพยายามเป็น “นักสำรวจที่อ่อนโยน” มากกว่านี้

“ไม่ว่าจะมีใครหรืออะไรอยู่ที่นั่น ทัศนคติของการสำรวจตอนนี้เกือบจะเหมือนกับการแสวงหาผลประโยชน์ ... เมื่อสิ่งที่ไม่ได้มีอยู่บนโลกถูกมองว่าเป็นทรัพยากร มันก็พร้อมที่จะถูกแสวงหาประโยชน์ เมื่อนั้นลัทธิล่าอาณานิคมจะหวนคืนมา” เธอกล่าว

คอนราดกล่าวว่า ทัศนคติดังกล่าวมีความสำคัญเนื่องจากวิธีการแบบอาณานิคมอาจกระทบต่อสิทธิของผู้อื่นในการสำรวจ ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ในอวกาศเองหรือเรื่องบนโลก

ด้านชนพื้นเมืองซึ่งมีการศึกษาและความผูกพันกับดวงจันทร์ ดวงดาว และเทหวัตถุอื่น ๆ ก็มองว่า การสำรวจอวกาศขณะนี้ ไม่ต่างอะไรจากการล่าอาณานิคมที่พวกเขาเคยเผชิญในอดีต

ดร.ฮิลดิง นีลสัน นักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยอนุสรณ์แห่งนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ ซึ่งเป็นชาวมิกมักก์ (Mi’kmaq) หรือชนพื้นเมืองอเมริกันที่บรรพบุรุษถูกขับไล่ออกจากสหรัฐฯ จนต้องย้ายมาแคนาดา (บางส่วนยังอยู่ในสหรัฐฯ) กล่าวว่า ในแคนาดา ชนพื้นเมืองมีสิทธิและความรับผิดชอบเหนือดินแดนที่ไม่มีสนธิสัญญา โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องระดับความสูง นั่นหมายความว่าพื้นที่เหนือท้องฟ้าเบื้องบนก็เช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้น เขากล่าวว่า ชนพื้นเมืองมีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับวัคถุท้องฟ้าบางอย่าง เช่น ดวงจันทร์

“ส่วนหนึ่งของความเชื่อมโยงนั้นมีอยู่ในวัฒนธรรม วิถีการดำรงชีวิต และวิถีแห่งความรู้” เขากล่าว การสร้างความเสียหายใด ๆ ต่อวัตถุดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่น่ากังวล

นีลสันกล่าวว่า ผู้ที่ทำงานในภารกิจอวกาศ เช่น โครงการอาร์เทมิสของนาซา ซึ่งพยายามสร้างถิ่นฐานบนดวงจันทร์และส่งมนุษย์ไปยังดาวอังคาร ควรเปิดโอกาสให้ชนพื้นเมืองมีส่วนร่วมด้วย

“ตอนนี้ เมื่อเรามองดวงจันทร์ในแง่ของภารกิจสำรวจอวกาศและการล่าอาณานิคม มันเหมือนกับมันเป็นแค่วัตถุที่จะต้องถูกพิชิตให้ได้ และนั่นไม่ใช่สิ่งที่ชนพื้นเมืองจำนวนมากเห็น” นีลสันกล่าว

เขาเสริมว่า “ดังนั้นเมื่อเราทำสิ่งต่าง ๆ เช่น การขุดบนดวงจันทร์ เรากำลังสร้างความเสียหายหรือไม่ และโดยพื้นฐานแล้วเรากำลังสนับสนุนให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยของลัทธิล่าอาณานิคมในลักษณะที่เป็นอันตรายต่อคนบางกลุ่มหรือไม่”

นอกจากนี้เขายังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการอย่าหลงไปกับวาทศิลป์เกี่ยวกับ “การสร้างอาณานิคม” บนดวงจันทร์หรือบนดาวเคราะห์ดวงอื่น

เขาบอกว่า “ผมเคยนั่งฟังซีอีโอของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งพูดเหมือนว่าการไปอวกาศนั้นเหมือนกันกับเมื่อมีการก่อตั้งควิเบก” ซึ่งเขาเสริมว่าจุดยืนดังกล่าวไม่เพียงแต่เชิดชูการล่าอาณานิคมและประวัติศาสตร์ของมันเท่านั้น แต่เป็นการไม่สนใจผลกระทบด้านลบของการล่าอาณานิคมในอวกาศด้วย

 

เรียบเรียงจาก The Guardian

ภาพจาก AFP

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ