วันนี้ (5 มี.ค.) มีการประชุมประจำปีของสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) โดยเป็นส่วนหนึ่งในของการประชุม 2 สภา (The Two Sessions) วาระที่หลายฝ่ายจับตามองคือการเติบโตทางเศรษฐกิจ และงบประมาณด้านการหาร
ซึ่งในการเปิดการประชุม นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ได้ประกาศตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนอย่างเป็นทางการที่ประมาณ 5% ในปี 2023 นี้ เพื่อพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก หลังจากอาการทรง ๆ มา 1 ปีเต็มจากมาตรการโควิด-19
ไขคำตอบ ทำไมคดีฆาตกรรมในฮ่องกง ฆาตกรมักต้องหั่นศพ?
อวกาศเป็นของใคร? เมื่อการศึกษาอวกาศกำลังกลายเป็น “การล่าอาณานิคม”
เราจะทำร้ายธรรมชาติอีกแค่ไหน? พบโรคใหม่ในนกทะเล เกิดจาก “ขยะพลาสติก”
ทั้งนี้ จีดีพีของจีนขยายตัวเพียง 3% เท่านั้นในปี 2022 โดยพลาดเป้าหมาย 5.5% ไปแบบไม่มีลุ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากมาตรการข้อจำกัดโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ นับเป็นอัตราการเติบโตเศรษฐกิจประจำปีที่ต่ำที่สุดเป็นอันดับสองรองจากปี 2020 เท่านั้น ซึ่งปีดังกล่าวเป็นปีที่มีการระบาดของโควิด-19 ครั้งแรก และแทบจะทำให้เศรษฐกิจจีนเป็นอัมพาต
“เศรษฐกิจของจีนกำลังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวอย่างมั่นคงและแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและแรงผลักดันมากมายสำหรับการเติบโตต่อไป” หลี่กล่าว และเน้นย้ำถึงการมุ่งเน้นของจีนในการสร้างการเติบโตที่มั่นคง การจ้างงาน และคุมราคาสินค้าบริการท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก
รายงานที่แจกในที่ประชุมระบุว่า สถานการณ์การจ้างงานในเมืองของจีนถือว่าค่อนข้างดี โดยเพิ่มตำแหน่งงานในเมืองมากกว่า 12 ล้านตำแหน่งในปีที่แล้ว และอัตราการว่างงานในเมืองลดลงเหลือ 5.5%
นอกจากนี้ จีนยังเปิดเผยงบประมาณทางทหารประจำปีสำหรับปี 2023 ซึ่งจะเพิ่มขึ้น 7.2% เป็นประมาณ 1.55 ล้านล้านหยวน (ราว 7.7 ล้านล้านบาท)
งบประมาณที่เพิ่มขึ้นนี้ถือเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่จีนเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการทหาร และเป็นปีที่ 2 ที่เพิ่มขึ้นเกิน 7%
ในช่วงที่ผ่านมา งบประมาณกลาโหมของจีนในปี 2020 ลดลงจาก 7.5% ของปีก่อนหน้าเหลือเพียง 6.6% จากนั้นค่อย ๆ ขยับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มาตั้งแต่ปี 2021 ที่ 6.8% ส่วนปีที่แล้วอยู่ที่ 7.1%
งบประมาณด้านกลาโหมของจีนที่เพิ่มขึ้นนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมืองและการแข่งขันด้านอาวุธที่ตึงเครยีดขึ้น โดยเฉพาะกับข้อพิพาทไต้หวันและข้อพิพาททะเลจีนใต้
ขณะนี้จีนควบคุมกองทัพเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามขนาด และยังคงพัฒนากองเรือดำน้ำนิวเคลียร์และเครื่องบินรบล่องหนของตนต่อไป
เรียบเรียงจาก CNN
ภาพจาก AFP
