น้องสาวคิม เตือนพร้อมโต้กลับหนัก สหรัฐฯ-เกาหลีใต้ซ้อมรบ

โดย PPTV Online

เผยแพร่

สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลียังทวีความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ หลังสหรัฐฯ และเกาหลีใต้จะดำเนินการซ้อมรบครั้งใหญ่ร่วมกันเป็นเวลา 11 วันในเดือนนี้ โดยระบุว่า เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ

ด้านเกาหลีเหนือได้ออกมากล่าวว่าการกระทำดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี พร้อมเรียกร้องให้ยุติการซ้อมรบทันที ล่าสุด น้องสาวของผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือได้ออกแถลงการณ์เตือนเกี่ยวกับเรื่องนี้

วันนี้ 7 มี.ค. KCNA สื่อทางการของเกาหลีเหนือรายงานว่า ‘คิม โยจอง’ น้องสาวของคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า เกาหลีเหนือพร้อมจะตอบโต้อย่างรุนแรงทันทีต่อกิจกรรมทางทหารใดๆ ของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ที่จะดำเนินการซ้อมรบครั้งใหญ่ร่วมกันในเดือนนี้

สหรัฐฯ ปัดยั่วยุ เกาหลีเหนือ ยันซ้อมรบ “เกาหลีใต้” ตามปกติ

เกาหลีเหนือประณามสหรัฐ ส่งรถถังให้ยูเครน ชี้เป็นแผนการร้าย

เกาหลีเหนือกำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวทางทหารที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะดำเนินการอย่างเหมาะสม รวดเร็ว และรุนแรงตามดุลยพินิจ พร้อมทั้งระบุว่า หากสหรัฐฯ พยายามจะสกัดขีปนาวุธข้ามทวีปหรือ ICBM ที่เกาหลีเหนือทดสอบ เกาหลีเหนือจะถือว่าการกระทำดังกล่าวคือ "การประกาศสงคราม"

ในแถลงการณ์ดังกล่าว ยังกล่าวเป็นนัยว่า เกาหลีเหนืออาจยิงขีปนาวุธเข้าไปยังมหาสมุทรแปซิฟิกมากขึ้น เนื่องจากมหาสมุทรแปซิฟิกไม่ได้เป็นกรรมสิทธิของสหรัฐฯ หรือญี่ปุ่น

ท่าทีอันแข็งกร้าวของเกาหลีเหนือยังมีขึ้นเนื่องจากก่อนหน้านี้ พลเรือเอก ‘จอห์น อะควิลิโน’ (John Aquilino) ผู้บัญชาการกองบัญชาการภาคพื้นอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ออกมาเตือนว่า หากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามทวีปไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก สหรัฐฯ จะยิงสกัดขีปนาวุธดังกล่าวทันที

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือได้ออกแถลงการณ์อีกฉบับ ประณามสหรัฐฯ ที่ใช้ ‘เครื่องบินทิ้งระเบิด B-52’ ดำเนินการซ้อมรบทางอากาศร่วมกับเกาหลีใต้เมื่อวานนี้

โดยระบุว่า เป็นการยั่วยุที่ผลักดันให้สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียดยิ่งขึ้น รวมถึงไม่มีการรับประกันว่าจะไม่เกิดความขัดแย้งทางกายภาพที่รุนแรง หากการยั่วยุทางการทหารยังดำเนินต่อไป

ทั้งนี้การซ้อมรบที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ทางกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้กล่าวว่า สหรัฐฯ ได้ใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ที่มีพิสัยการบินกว่า 14,000 กิโลเมตร และสามารถบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ได้เกือบ 32,000 กิโลกรัม ร่วมกับเครื่องบินขับไล่ของเกาหลีใต้ เพื่อแสดงแสนยานุภาพในการต่อต้านภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ 

คาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียดยิ่งขึ้น หลังสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ประกาศซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี

การซ้อมรบร่วมที่จะเกิดขึ้นภายใต้ปฏิบัติการ ‘Freedom Shield’  จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-23 มีนาคม ซึ่งจะครอบคลุมการฝึกซ้อมภายใต้สถานการณ์จำลองจากระบบคอมพิวเตอร์  ควบคู่ไปกับการฝึกภาคสนามที่เรียกว่า ‘Warrior Shield’ เพื่อยกระดับการป้องปรามภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

นอกจากนี้ นี่จะเป็นการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2018 เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องยกเลิกหรือลดขนาดของการฝึกซ้อมลง

นี่ถือเป็นการแสดงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ที่ได้ให้คำมั่นว่าจะปกป้องเกาหลีใต้จากภัยคุกคามของเกาหลีเหนือที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการใช้อาวุธนิวเคลียร์

หลังจากเมื่อช่วงปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ‘ลอยด์ ออสติน’ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้เดินทางเยือนเกาหลีใต้ เพื่อเข้าหารือกับ ‘อี จงซอบ’ กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้

ทั้งคู่เห็นพ้องร่วมกันว่า จะขยายขนาดและเพิ่มความเข้มข้นของการซ้อมรบร่วมกันในปีนี้ ทั้งในทางยุทธวิธีและการฝึกซ้อมภาคสนาม และมุ่งเน้นประเด็นการรับมือภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ

ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังรับรองว่าจะใช้ความสามารถทางทหารอย่างเต็มกำลัง พร้อมให้การสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มเติม

นอกจากนี้ การซ้อมรบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ถือเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่า สหรัฐฯ พร้อมปกป้องเกาหลีใต้

สหรัฐฯ ได้ใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดที่มีประสิทธิภาพสูงอย่าง B-1B ซึ่งมีความเร็วสูงและสามารถปฏิบัติการในระยะไกลได้ รวมถึงรองรับยุทโธปกรณ์ต่างๆ ได้เป็นจำนวนมาก มาซ้อมรบร่วมกับเครื่องบินขับไล่ของเกาหลีใต้

โดยกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้กล่าวว่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความสามารถของสหรัฐฯ ในการใช้ความสามารถทางทหารอย่างเต็มรูปแบบเพื่อปกป้องชาติพันธมิตร

ขณะที่เกาหลีเหนือได้ออกมาประณามการกระทำดังกล่าวว่าเป็นต้นเหตุการล่มสลายของระบบควบคุมอาวุธระหว่างประเทศ และกล่าวว่าอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเป็นการตอบสนองที่ยุติธรรมเพื่อสร้างดุลอำนาจในภูมิภาค

รวมถึงขอให้องค์การสหประชาชาติหรือ UN ออกมาเรียกร้อง สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ให้ยุติการฝึกซ้อมรบร่วมกันในทันที ด้วยเหตุผลว่าทั้ง 2 ประเทศกำลังทำให้ความตึงเครียดเพิ่มไปสู่ระดับที่เกินควบคุม

ทั้งนี้เกาหลีใต้และสหรัฐฯ จัดการซ้อมรบหลายครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามของเกาหลีเหนือ โดยจัดการซ้อมรบทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ

เนื่องจากการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และยังบ่งชี้ถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาขีปนาวุธ จนทำให้นานาชาติ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ รู้สึกกังวลถึงภัยคุกคามนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือ และที่ผ่านมา เกาหลีเหนือก็ตอบโต้กลับด้วยการทดสอบขีปนาวุธนับครั้งไม่ถ้วนเช่นกัน

อย่างเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป  ‘ฮวาซอง-15’ ลงสู่ทะเลนอกชายฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น ซึ่งมีรายงานว่าเป็นหนึ่งในขีปนาวุธที่ใหญ่ที่สุดของรัฐบาลเกาหลีเหนือ เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ที่เตรียมฝึกซ้อมรบประจำปี  จึงเป็นไปได้ว่าในระหว่างการซ้อมรบใหญ่ครั้งนี้ เกาหลีเหนืออาจมีการทดสอบขีปนาวุธอีกเพื่อตอบโต้

Bottom-PL-HLW Bottom-PL-HLW

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ