นาย อิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย แถลงว่า การโจมตีพื้นที่หลายเมืองของยูเครนเมื่อวานนี้สามารถทำลายเป้าหมายต่างๆ ทั้งฐานปล่อยโดรน สถานที่ผลิตเครื่องกระสุน และ ยังขัดขวางการขนส่งทางรางเพื่อลำเลียงอาวุธที่ได้รับจากประเทศอื่นไปยังพื้นที่ทั่วยูเครน
โดยอาวุธที่ใช้ในการระดมโจมตียูเครนระลอกล่าสุดเมื่อวานนี้มีหลายชนิด ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง “คินซาล” (Kinzhal) 6 ลูก ซึ่งสามารถหลบหลีกระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนได้
โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีครั้งนี้อย่างน้อย 9 คน นับเป็นการโจมตีพื้นที่ทั่วยูเครนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2023 เป็นต้นมา
นาย โคนาเชนคอฟ ระบุว่า เหตุผลของการโจมตีดังกล่าวคือการตอบโต้ที่กองกำลังซึ่งเคลื่อนไหวสนับสนุนยูเครนได้ก่อเหตุยิงพลเรือนที่อยู่ภายในรถ 2 คนเสียชีวิต บนถนนของหมู่บ้านในภูมิภาคบริย์อันสค์ (Bryansk) ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยูเครนปฏิเสธข้ออ้างดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นเพียงการเผยแพร่ข้อมูลเท็จเพื่อยั่วยุ โดยตลอดกว่า 1 ปี ของการสู้รบ รัสเซียมักเปิดฉากโจมตีระลอกใหญ่หลังเกิดเหตุร้ายที่รัสเซียอ้างว่ายูเครนเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เช่นเหตุระเบิดที่สะพานเคิร์ช ในแคว้นไครเมียเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
ขณะที่ ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนระบุว่าสถานที่ที่ถูกรัสเซียโจมตีเมื่อวานนี้คือโครงสร้างพื้นฐานและอาคารที่พักอาศัยของประชาชน ซึ่งรัสเซียมีศักยภาพโจมตีได้เพียงเป้าหมายพลเรือนเท่านั้น
พร้อมเตือนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์นิวเคลียร์ซาโปริสเซียถูกตัดขาดจากระบบจ่ายไฟหลัก ซึ่งเสียงต่ออุบัติเหตุด้านนิวเคลียร์
ส่วนสถานการณ์การสู้รบที่เมืองบัคมุต กองทัพยูเครนระบุว่า ทหารรัสเซียยังคงโจมตีพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง แต่ยังสามารถป้องกันฐานที่มั่นและพื้นที่รอบๆ ของเมืองเอาไว้ได้ แม้ฝ่ายรัสเซียเพิ่งประกาศว่าสามารรถควบคุมพื้นที่ทางตะวันออกของเมืองเอาไว้ได้ทั้งหมดแล้ว