อย่างไรก็ดี ท่ามกลางสัญญาณการเปิดศึกโต้กลับรัสเซีย วันนี้ทางการยูเครนรายงานว่าเกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นหลังเขื่อนใหญ่ในแคว้นเคอร์ซอนแตก
เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมาตามเวลาบ้านเรา ( 6 มิ.ย.)หน่วยงานทางการทหารประจำภาคใต้ของยูเครนได้ออกมารายงานยืนยันว่า เขื่อนโนวา คาโคฟกา ทางแคว้นเคอร์ซอนตะวันตกถูกระเบิด
ภาพมุมสูงเหนือเขื่อนที่ถ่ายได้จากโดรน ภาพเผยให้เห็นมวลน้ำมหาศาลกำลังไหลทะลักออกจากเขื่อน
รัสเซีย อ้าง สกัดการโจมตีครั้งใหญ่ของยูเครนได้สำเร็จ
“เขื่อนแตก” ในภูมิภาคเคอร์ซอน ยูเครนอ้างเป็นฝีมือรัสเซียวางระเบิด
ขณะที่เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศก็ได้เผยแพร่ภาพวิดีโอพื้นที่บริเวณใกล้เขื่อนโนวา คาโคฟกาออกมา จากภาพจะเห็นได้ว่าตัวเขื่อนที่คอยควบคุมน้ำได้รับความเสียหายอย่างหนักจนบางส่วนจมไปอยู่ใต้น้ำ
เขื่อนโนวา คาโคฟกา เป็นเขื่อนสำคัญ ตั้งตัดผ่านแนวของแม่น้ำดนีเปอร์ แม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านประเทศยูเครน ตัวเขื่อนตั้งอยู่ในพื้นที่แคว้นเคอร์ซอนตะวันตก มีความสูงถึง 30 เมตร และมีความกว้างหลายร้อยเมตร
เขื่อนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1956 ไล่เลี่ยกับการสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังงานน้ำนาวา คาโคฟกาคาดการณ์ว่าเขื่อนแห่งนี้กักเก็บน้ำไว้ถึง 18,000 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือพอๆ กับปริมาณน้ำในเขื่อนศรีนครินทร์ขณะที่บรรจุน้ำไว้เต็มความจุสูงสุด ด้วยปริมาณน้ำมหาศาล การระเบิดของเขื่อนอาจทำให้มวลน้ำมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนที่อยู่ใต้เขื่อน รวมถึงเมืองเคอร์ซอน ซึ่งกองกำลังยูเครนยึดคืนได้ตั้งแต่เมื่อปลายช่วงปี 2022 ที่ผ่านมา
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลออกมายืนยันว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของฝ่ายใดโดยทั้งรัสเซียและยูเครนต่างโทษกันไปมา ว่าอีกฝ่ายเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขื่อนแห่งนี้ถูกทำลาย โดยทางกองทัพยูเครนระบุว่า กองทัพรัสเซียคือผู้ที่ทำลายเขื่อนแห่งนี้
อย่างไรก็ดี วลาดิเมียร์ เลออนเตเยฟ นายกเทศมนตรีเมืองโนวา คาโคฟกา ได้ออกมาปฏิเสธแทบจะทันทีว่ารัสเซียไม่ใช่ผู้ทำลายเขื่อน การกระทำดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่ “สมเหตุสมผล” และการทำลายเขื่อนแห่งนี้ถือเป็นการก่อการร้าย
เลออนเตเยฟได้โทษว่ายูเครนยิงจรวดเข้ามาทำลายเขื่อนแห่งนี้หลายครั้ง จนทำให้ตัวเขื่อนได้รับความเสียหายและพังลงมา
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายกเทศมนตรีเมืองโนวา คาโคฟกา ได้เปิดเผยว่า ตอนนี้ทางการรัสเซียเร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่บางส่วนของแคว้นเคอร์ซอนตะวันตกแล้ว เนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงถึง 10 เมตร
ด้านวลาดิเมียร์ ซัลโด ผู้ว่าการแคว้นเคอร์ซอนที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลรัสเซีย ได้ออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า ผู้ก่อเหตุระเบิดเขื่อนโนวา คาโคฟกา คือยูเครน โดยระบุว่าแรงจูงใจในการทำเช่นนี้เป็นไปเพื่อต้องการดึงดูดความสนใจของผู้คนจากเรื่องที่ล้มเหลวในการเปิดปฏิบัติการโต้กลับ รัสเซียที่แคว้นโดเนตสก์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จนทำให้ทหารบาดเจ็บและเสียชีวิตกว่า 250 นาย
ขณะที่ความเคลื่อนไหวจากฝั่งยูเครนเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้เรียกเจ้าหน้าที่ของสภาความมั่นคง และสภากลาโหมประชุมฉุกเฉินเพื่อรับมือกับปัญหานี้ พร้อมระบุว่ารัสเซียคือผู้ที่ทำลายเขื่อนโดยใช้วิธีการระเบิดโครงสร้างภายในเขื่อน
ทั้งนี้ก่อนการประชุมของผู้นำยูเครน ทางการคาดว่าระดับน้ำที่ท่วมทะลักจะเพิ่มสูงขึ้นภายใน 5 ชั่วโมงหลังจากเขื่อนแตก และขอให้ประชาชนที่อยู่บริเวณปีกตะวันออกของแม่น้ำดนีเปอร์ ซึ่งคาดว่ามีมากถึง 16,000 คนเร่งอพยพออกจากพื้นที่ทันที
ด้านกระทรวงมหาดไทยยูเครนระบุว่า ตำรวจและเจ้าหน้าที่ด้านบริการฉุกเฉินเตรียมพร้อมอพยพพลเรือนออกจากพื้นที่แล้ว และจนถึงขณะนี้อพยพประชาชนออกไปได้กว่า 700 คน นอกจากการอพยพแล้ว กระทรวงมหาดไทยยูเครน ก็ได้แนะนำให้ประชาชนที่อยู่ใน “เขตอันตราย” ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อาจถูกน้ำท่วม ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด เก็บเอกสารและสิ่งของที่จำเป็น รวมถึงดูแลคนในครอบครัวและสัตว์เลี้ยงด้วย
ภาพวิดีโอล่าสุดของแคว้นเคอร์ซอนเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่า น้ำในแม่น้ำดนีเปอร์ไหลเชี่ยวกราก
ขณะเดียวกัน ก็เริ่มเข้าท่วมหลายพื้นที่ในแคว้นเคอร์ซอนตะวันออก โดยเฉพาะที่เมืองเคอร์ซอนซึ่งเป็นเมืองเอกของแคว้น ระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้อาคารบ้านเรือนของประชาชนบางส่วนเริ่มจมอยู่ใต้น้ำ บางหลังพื้นที่ครึ่งหนึ่งของบ้านจมอยู่ใต้น้ำ
ประชาชนในพื้นที่ระบุว่า คนธรรมดากลายเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้และทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองกำลังจะตายจากน้ำท่วม
นอกจากผลกระทบต่อชีวิตประชาชนแล้ว แอนดรี เยอร์มาร์ก หัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดียูเครน ได้เรียกการทำลายเขื่อนนี้ว่าเป็การทำลายสิ่งแวดล้อม และรัสเซียจะต้องรับผิดชอบกับการขาดแคลนน้ำดื่มสำหรับประชาชนในแคว้นไครเมียและแคว้นเคอร์ซอน
ส่วนประเด็นเรื่องความเป็นไปได้ในการซ่อมแซมเขื่อน ยูเคอาร์ไฮโดรเอเนอร์โก (Ukrhydroenergo) บริษัทผู้ดูแลเขื่อนพลังงานไฟฟ้าแห่งนี้ระบุว่า
เขื่อนแห่งนี้ถูกรัสเซียระเบิดจนเสียหายทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถซ่อมแซมได้ ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์ว่าระดับน้ำที่ท่วมขังอยู่ในพื้นที่ต่างๆ จะลดลงอย่างรวดเร็วและเขื่อนจะระบายน้ำออกได้ภายในอีก 4 วันข้างหน้า
อย่างไรก็ดี แม้จะระบายน้ำออกจากเขื่อนได้หมด จนระดับน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ลดลง แต่ผลกระทบที่จะตามมาหลังจากเขื่อนแตกกำลังทำให้หลายฝ่ายเป็นกังวล เนื่องจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมีตั้งแต่โรงไฟฟ้าซาโปริซเซีย โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ไปจนถึงประชาชนในแคว้นไครเมีย
สำหรับกรณีของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการระเบิดเขื่อนจะทำให้ระบบหล่อเย็นของโรงไฟฟ้าเสียหาย จนทำให้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์หลอมละลายจนกลายเป็นหายนะนิวเคลียร์ครั้งใหม่ได้ เพราะบ่อน้ำหล่อเย็นของโรงไฟฟ้าใช้น้ำที่มาจากเขื่อนโนวา คาโคฟกาที่ได้รับความเสียหาย
อย่างไรก็ดี ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ประสานงานและมีข้อมูลเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าที่ถูกรัสเซียยึดครองแห่งนี้ ออกมาระบุว่าตอนนี้ยังไม่มีความเสี่ยงด้านนิวเคลียร์เกิดขึ้น แต่จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
ส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับคาบสมุทรไครเมียไม่ใช่ปัญหาน้ำท่วมทะลักจากเขื่อนแตก แต่จะเป็นปัญหาการขาดแคลนน้ำบนคาบสมุทรแทน ซึ่งคาดว่าปัญหานี้อาจอยู่ยาวนานเป็นทศวรรษ
หลังจากเกิดเหตุการณ์เขื่อนโนวา คาโคฟกาแตก ผู้แทนของยูเครนในองค์การระหว่างประเทศ รวมถึงชาติพันธมิตรตะวันตกก็ได้ออกมาแสดงความเห็นและวิจารณ์รัสเซียอย่างหนัก
อันโตน โครีเนวิช ผู้แทนยูเครนประจำศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ได้เปิดแถลงข่าว ณ ที่ทำการใหญ่ ICJ ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยเรียกการกระทำของรัสเซียที่ระเบิดเขื่อนโนวา คาโคฟกา ว่าเป็นการกระทำของรัฐก่อการร้าย
ขณะที่เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการใหญ่องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต ได้ออกมาระบุว่าการทำลายเขื่อนโนวา คาโคฟกาของรัสเซียเป็นการกระทำที่อุกอาจและทำให้ประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบ
สาเหตุที่หลายฝ่ายให้ความสนใจกับเหตุการณ์ทำลายเขื่อนครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เหตุผลว่านี่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมากเท่านั้น แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นในวันที่ยูเครนส่งสัญญาณชัดเจนว่าพร้อมเปิดการโต้กลับรัสเซียแล้วและสามารถยึดบางพื้นที่กลับมาได้
นักวิเคราะห์ มองว่าการทำลายเขื่อนอาจเป็นแผนของรัสเซียในการสกัดการโต้กลับของยูเครนที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งประธานาธิบดีเซเลนสกีระบุเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาว่า ไม่ว่ารัสเซียจะทำลายเขื่อน หรือโจมตีด้วยขีปนาวุธ ก็ไม่มีสิ่งใดมาหยุดยูเครนได้
เมื่อคืนที่ผ่านมา โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้รายงานสถานการณ์ประจำวัน โดยระบุว่าตอนนี้ยูเครนได้รับข่าวดีว่าทหารยูเครนสามารถรุกคืบยึดคืนพื้นที่ในแคว้นโดเนตสก์ได้มากขึ้นและจะทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ
นี่เป็นสัญญาณที่ค่อนข้างชัดเจนว่ายูเครนได้เริ่มปฏิบัติการโต้กลับในฤดูร้อนแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีสามารถระบุได้ว่า กองทัพยูเครนจะเปิดฉากโต้กลับในแนวรบด้านใดบ้าง เนื่องจากข้อมูลทุกอย่างเป็นความลับและทางยูเครนได้ขอร้องบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ให้เผยแพร่ข้อมูลของฝั่งยูเครน วานนี้ กระทรวงกลาโหมยูเครนได้เผยแพร่แคมเปญเกี่ยวกับการโต้กลับรัสเซียผ่านเทเลแกรม
วิดีโอที่ถูกเผยแพร่ออกมา เป็นภาพทหารกำลังทำท่าทางให้เงียบ พร้อมกับข้อความว่า "Plans love silence. There will be no announcement of the start," หรือ “เก็บงำแผนไว้ให้เงียบที่สุด จะไม่มีการประกาศเริ่มปฏิบัติการโต้กลับ” วิดีโอชุดนี้เป็นหนึ่งในแผนของกองทัพยูเครนที่ขอความร่วมมือไปยังสื่อทั้งในและต่างชาติไม่ให้เผยแพร่ข้อมูลในสนามรบที่สำคัญของยูเครน เพื่อให้ปฏิบัติการเป็นไปด้วยดี ตลอดจนเพื่อรักษาชีวิตของพลทหารยูเครน
ขณะเดียวกัน ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยูเครน ก็ได้ออกมาพูดเชิงส่งสัญญาณเกี่ยวกับการโต้กลับรัสเซียเช่นกัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยูเครน ระบุว่ายูเครนมีอาวุธเพียงพอในการทำปฏิบัติการโต้กลับรัสเซีย และถ้ายูเครนมีอาวุธไม่เพียงพอ ยูเครนจะไม่เปิดปฏิบัติการโต้กลับเช่นนี้แน่นอน