ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปีหน้า 2024 หนึ่งในผู้ที่จะลงชิงตำแหน่งคืออดีตประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” แต่ขณะที่ทรัมป์ตั้งเป้าจะมาทำให้สหรัฐฯ ยิ่งใหญ่อีกครั้ง เขาก็กำลังเผชิญกับคดีความที่ใหญ่ยิ่งไม่แพ้กัน
ล่าสุด แจ็ก สมิธ ที่ปรึกษาพิเศษที่ได้รับการแต่งตั้งจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ยื่นเอกสารคำฟ้อง 45 หน้า แจ้งข้อหาใหม่กับทรัมป์อีก 4 กระทง ในความผิดฐานพยายามล้มผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2020
ข้อหาที่เพิ่มมาใหม่ ได้แก่ สมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงรัฐบาลสหรัฐฯ, สมรู้ร่วมคิดเพื่อขัดขวางการดำเนินการของทางการ, ขัดขวางและพยายามขัดขวางการดำเนินการของทางการ และสมรู้ร่วมคิดเพื่อละเมิดสิทธิของพลเมืองอเมริกัน
นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อหากลุ่มผู้สมรู้ร่วมคิดอีก 6 คนที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อ ได้แก่ ทนาย 4 คน เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม 1 คน และที่ปรึกษาทางการเมืองอีก 1 คน
นาซาโล่งอก พบสัญญาณ “ยานวอยเอจเจอร์ 2” ที่ขาดการติดต่อไป
นักปีนตึกชาวฝรั่งเศสเสียชีวิต หลังพลัดตกตึก 68 ชั้นที่ฮ่องกง
การตั้งข้อหาใหม่นี้เป็นผลจากการสืบสวนเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ก่อจลาจลบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ปี 2021 เพื่อขัดขวางการรับรองชัยชนะของไบเดน โดยสมิธโฟกัสไปที่พฤติกรรมของทรัมป์ในช่วงเวลา 2 เดือน นับตั้งแต่แพ้เลือกตั้งจนถึงเหตุบุกรัฐสภา
สมิธ ระบุว่า ทรัมป์จงใจโกหกว่ามีการโกงการเลือกตั้ง และตนเองคือผู้ชนะที่แท้จริง ซึ่งข้อกล่าวอ้างเหล่านี้ถูกเผยแพร่ซ้ำ ๆ จนดูเสมือนเป็นความจริง
สมิธเสริมว่า จะเร่งรัดการพิจารณาคดีให้เร็วที่สุด แต่เน้นย้ำหลักการว่า ทรัมป์ยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด
ฝั่งทรัมป์ซึ่งเตรียมลงชิงชัยเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยหน้า ยืนกรานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า ไบเดนพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยหน้า ซึ่งตัวเขามีคะแนนนิยมนำอยู่ แต่ท้ายที่สุดแล้ว การล่าแม่มดทางการเมืองนี้จะไม่ประสบผลสำเร็จ
ทั้งนี้ ทรัมป์มีกำหนดเดินทางไปขึ้นศาลที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในวันพฤหัสบดีนี้ (3 ก.ค.)
ส่วนความเคลื่อนไหวในฝั่งนักการเมืองรีพับลิกัน รวมถึงคนใกล้ชิดทรัมป์ ก็ออกมาในทิศทางเดียวกัน คือ ไบเดนพยายามสกัดไม่ให้ทรัมป์ลงเลือกตั้ง และยังใช้เรื่องนี้ี้กลบข่าวเสียของตัวเอง เพราะทุกครั้งที่มีข่าวคดีทุจริตคอร์รัปชันของไบเดนแพร่ออกมา ทรัมป์จะถูกตั้งข้อหาเพิ่ม
ปัจจุบัน ทรัมป์เผชิญคดีความทั้งหมด 3 คดี รวม 78 กระทง ได้แก่ คดีเก็บเอกสารลับทางราชการหลังพ้นตำแหน่งไปแล้ว คดีปลอมแปลงบันทึกการทำธุรกิจเพื่อปกปิดเรื่องการจ่ายเงินปิดปากอดีตดาราหนังผู้ใหญ่ และล่าสุด คือ คดีพยายามล้มผลเลือกตั้ง
ภาพจาก AFP