รายงานจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ คาดว่า คนจำนวนอย่างน้อย 120,000 คน ในเมียนมา และอีก 1 แสนคนในกัมพูชา อาจติดอยู่ในปฏิบัติการหลอกลวงของแก๊งอาชญากรรมในลาว ฟิลิปปินส์ และไทย ตั้งแต่หลอกลงทุนในเงินสกุลดิจิทัล จนถึงการพนันออนไลน์
โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า ผู้ที่ถูกบังคับให้ทำงานในปฏิบัติการหลอกลวงเหล่านี้ต้องทนกับการปฏิบัติที่ไร้มนุษยธรรม ขณะที่ถูกบังคับให้ทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย พวกเขาเป็นเหยื่อ ไม่ใช่ผู้กระทำผิด
มลพิษฝุ่นในเอเชียใต้ ลดอายุขัยมนุษย์เฉลี่ยมากกว่า 5 ปีต่อคน
เมียนมาขับอุปทูต "ติมอร์เลสเต" ออกนอกประเทศ ปมคุยรัฐบาลเงา
รวมเหล่าผู้ท้าทายอำนาจ “ปูติน” ที่จุดจบคือ “ตายอย่างเป็นปริศนา”
รายงานของหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติฉบับนี้ถือเป็นหนึ่งในรายงานที่มีความละเอียดที่สุด เกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่อุบัติขึ้นตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 และรุนแรงขึ้นจากการที่กาสิโนถูกปิด ซึ่งทำให้มีการเคลื่อนย้ายเข้าไปยังพื้นที่ที่มีการกำกับดูแลน้อยกว่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รายงานระบุว่า คอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำรายได้ได้หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในแต่ละปี ผู้ก่ออาชญากรรมพุ่งเป้าไปที่ผู้อพยพที่อยู่ในสถานการณ์ที่อ่อนไหวมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อชักชวนให้เข้าร่วมปฏิบัติการอาชญากรรม โดยหลอกลวงว่ามีงานจริงๆ ให้ทำ
เหยื่อที่ถูกหลอกส่วนใหญ่มาจากประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงจีน ไต้หวัน และฮ่องกง นอกจากนี้ ยังมีบางส่วนที่มาไกลจากแอฟริกาและลาตินอเมริกา
ทั้งนี้ หน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นได้เรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปรับปรุงกฎหมายให้เข้มงวดขึ้น และจัดการกับการทุจริตคอร์รัปชันเพื่อตัดวงจรการได้รับยกเว้นโทษ ที่ทำให้แก๊งอาชญากรรมเฟื่องฟู