ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สำนักข่าว New York post รายงานข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐฯ ประจำปี 2022 พบว่า ชาวนิวยอร์ก 545,498 คนได้ตัดสินใจอพยพไปยังรัฐอื่น โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยมของชาวนิวยอร์กอยู่ที่ “รัฐฟลอริดา” ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ ตามมาด้วยรัฐนิวเจอร์ซีย์ รัฐคอนเนตทิคัต รัฐเพนซิลเวเนียรวมถึงรัฐที่อยู่ห่างไกลที่สุดอย่างรัฐเท็กซัส และรัฐแคลิฟอร์เนีย
ชาวออสเตรเลีย ป่วยจากสภาพอากาศสุดขั้ว เข้ารักษาตัวใน รพ. เพิ่มขึ้น
ชาวปาเลสไตน์ หลั่งไหลเข้าค่ายผู้ลี้ภัย ภายในฉนวนกาซา
อิสราเอล-ฮามาสสู้รบเดือด เสียชีวิตรวมกว่า 10,000 ศพ
ทั้งนี้จากข้อมูลการย้ายถิ่นฐานของชาวนิวยอร์ก พบว่า ชาวนิวยอร์กได้อพยพไปยังรัฐฟลอริดาสูงถึง 91,000 คน ตามมาด้วยรัฐนิวเจอซีย์อยู่ที่ 75,000 คน รัฐคอนเนตทิคัตอยู่ที่ 50,670 คน และรัฐเพนซิลเวเนียอยู่ที่ 44,000 คน
ส่วนรัฐแคลิฟอร์เนีย ดึงดูดชาวนิวยอร์ก ให้อพยพไปได้ 31,000 คน และรัฐเท็กซัสมีชาวนิวยอร์กย้ายไปอยู่เกิน 30,000 คนเป็นครั้งแรก เพิ่มขึ้น 67 % จาก 18,000 คนเมื่อปี 2019 เช่นเดียวกับรัฐนอร์ท แคโรไรนา แมสซาชูเซตส์ เวอร์จิเนีย และจอร์เจีย ที่ติดอันดับจุดหมายปลายทางยอดนิยม 10 อันดับแรกของชาวนิวยอร์กด้วย
ส่วนรัฐที่ได้รับความนิยมน้อยที่สุดคือ รัฐไวโอมิง รัฐมอนแทนา รัฐไอโอวา รัฐมิสซิสซิปปี และรัฐเซาท์ดาโกตา ซึ่งเมื่อปีที่แล้วทั้งหมดมีผู้คนย้ายจากรัฐนิวยอร์กไปไม่ถึง 500 คน โดยรัฐเซาท์ ดาโกตา เป็นรัฐที่ชาวนิวยอร์กอพยพไปน้อยที่สุด อยู่ที่ 52 คน
ทั้งนี้ จำนวนประชากรในรัฐนิวยอร์กที่อพยพย้ายถิ่นฐานออกไปเมื่อปี 2022 มีประชากรเข้ามาชดเชยจากประชากรที่อพยพเข้ามาใหม่ที่ 301,000 คนเท่านั้น ทำให้รัฐนิวยอร์ก สูญเสียจำนวนประชากรสุทธิไปถึง 244,000 คน
การวิเคราะห์ตัวเลขการย้ายถิ่นฐานระหว่างรัฐ ของสำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐฯ เผยให้เห็นว่า จำนวนประชากรในนครนิวยอร์ก ลดลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2012 โดยอัตราการย้ายออกของผู้คนมากกว่าการอพยพย้ายเข้ามาอย่างมาก
ขณะที่ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีผู้คนได้อพยพจากนครนิวยอร์กไปแล้วประมาณ 4 ล้าน 6 แสนคน ขณะที่จำนวนประชากรย้ายเข้ามายังนครนิวยอร์กในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ประมาณ 2 ล้าน 7 แสนคน ส่งผลทำให้รัฐนิวยอร์กสูญเสียประชากรสุทธิ 1 ล้าน 9 แสนคน
ทำไมชาวนิวยอร์กถึงอพยพออกจากรัฐของตัวเอง?
รายงานวิเคราะห์จาก SEKA Moving บริษัทจัดการเคลื่อนย้ายสิ่งของ ซึ่งตั้งอยู่ในนครนิวยอร์ก ระบุว่า เหตุผลที่ผู้คนเคลื่อนย้ายออกจากรัฐนิวยอร์กเกิดจากหลายปัจจัย ปัจจัยแรกมาจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิต
ชาวเมืองนครนิวยอร์ก ขึ้นชื่อเรื่องความสามารถในการฟื้นตัวด้านเศรษฐกิจ แต่เมื่อต้องเผชิญกับต้นทุนที่อยู่อาศัยที่พุ่งสูงขึ้น หรือค่าเช่าบ้านที่แพงขึ้น ควบคู่กับคุณภาพชีวิต และสภาพแว้ดล้อมที่ทรุดโทรมลง ทำให้ต้องตัดสินใจโยกย้ายถิ่นฐาน
สอดคล้องกับรายงานของ New York post ที่ระบุว่า แม้ว่ามีการอพยพของผู้คนออกจากนิวยอร์กจำนวนมาก แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราคาเช่าที่อยู่อาศัยในนครนิวยอร์ก โดยค่าเช่าบ้านในนิวยอร์ก ยังคงมีราคาใกล้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังเกิดวิกฤตโควิด-19
ตามรายงานล่าสุดของ Elliman บริษัทอสังหาริมทรัพย์สัญชาติอเมริกัน ระบุว่า ค่าเช่าบ้านในนครนิวยอร์กในเดือนกันยายนที่ผ่านมา อยู่ที่ 4,350 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 156,000 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 4,022 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 144,000 บาท
ส่วนค่าเช่าบ้านในเขตบรูคลิน และควีนส์ อยู่ที่ 3,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 132,000 บาท) และ 3,528 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 126,000 บาท) ตามลำดับ ซึ่งตัวเลขค่าเช่าบ้านในสองเขตนี้ใกล้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นเดียวกัน
นอกเหนือจากปัจจัยเรื่องค่าที่อยู่อาศัยที่พุ่งสูงขึ้น และสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่แล้ว ยังมีเรื่องของภาษี ที่ผู้อยู่อาศัยในนิวยอร์กถูกเรียกเก็บในอัตราที่สูงมาก ผลการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ พบว่า รัฐนิวยอร์กถือเป็นรัฐที่เรียกเก็บภาษีกับผู้อยู่อาศัยอยู่ในอันดับสูงสุด และสิ่งนี้ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน
การอพยพครั้งใหญ่ของชาวนิวยอร์กในครั้งนี้ ทำให้ชุมชนบางแห่งสูญเสียประชากรมากกว่า 40% ภายในเวลาเพียงหนึ่งปี การลดลงของจำนวนประชากรที่มากที่สุดอยู่ในกลุ่มคนผิวสี และชุมชนชนกลุ่มน้อยอื่นๆ ซึ่งคนกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากความตึงเครียดทางการเงิน ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19
นอกเหนือจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ และการเงินแล้ว ปัจจัยเรื่องของสภาพอากาศ โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัย และปฏิเสธไม่ได้ว่า ฤดูหนาวที่รัฐนิวยอร์กค่อนข้างโหดร้ายจนทนแทบไม่ไหว โดยเฉพาะหากใครมีเด็กเล็ก หรือสัตว์เลี้ยงก็ได้รับผลกระทบไปตาม ๆ กัน ซึ่งสภาพอากาศหนาวจัดในช่วงฤดูหนาว ถือเป็นหนึ่งในคำอธิบายว่า ทำไมคนผิวสี และครอบครัวชาติพันธุ์อื่นๆ ต่างย้ายออกหนีไปทางตอนใต้ของสหรัฐฯ ซึ่งมีอากาศอบอุ่นกว่า
ส่วนปัจจัยอื่นๆ ก็มีเรื่องของวิกฤตผู้อพยพ อาชญากรรมที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงปัญหาด้านการศึกษา ซึ่งเหล่านี้ก็เป็นอีกปัจจัยร่วม ซึ่งผลักดันให้ชาวนิวยอร์กจำนวนมากต้องอพยพย้ายไปอยู่รัฐอื่นเช่นเดียวกัน