ปรับความสัมพันธ์ “โจไบเดน-สี จิ้นผิง” หารือต่อตัวต่อครั้งแรกในรอบปี

โดย PPTV Online

เผยแพร่

หลายฝ่ายจับตาการปรับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเปิดช่องทางทางการทหารระหว่าง 2 ชาติ ซึ่ง “โจไบเดน-สี จิ้นผิง” ได้หารือแบบทวิภาคีร่วมกัน

ติดตามการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคที่กำลังจัดขึ้นที่ซานฟรานซิสโกของสหรัฐฯแม้จะเป็นการประชุมเพื่อมุ่งเน้นความร่วมมือทางเศรษฐกิจ แต่ด้วยสถานการณ์โลกที่ปั่นป่วน ไม่ว่าจะเป็นสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส สงครามในยูเครน รวมถึงภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ ทำให้คาดว่าประเด็นความร่วมมือด้านความมั่นคงถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นสำคัญด้วย

อีกเรื่องหนึ่งที่หลายฝ่ายจับตามองคือการปรับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดยปรากฎภาพประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ให้การต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เมื่อวานนี้ ( 15 พ.ย.)

สหรัฐฯ-จีน ฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางทหารสำเร็จ เปิดช่องทางต่อสายฉุกเฉิน

จับตา “โจ ไบเดน - สี จิ้นผิง” หารือกันครั้งแรกในรอบปี

จับตาเอเปค “ไบเดน” เตรียมฟื้นความสัมพันธ์ทางทหารกับจีน

โดยผู้นำทั้งสองชาติต่างจับมือทักทายกัน ก่อนเดินเข้าไปยังคฤหาสน์ฟิโลลี  ซึ่งอยู่ห่างจากนครซานฟรานซิสโกไปทางตอนใต้ประมาณ 48 กิโลเมตร เพื่อเริ่มการประชุมทวิภาคีเพื่อบรรเทาสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสองมหาอำนาจเกี่ยวกับด้านการทหาร  ยาเสพติด และปัญญาประดิษฐ์ ก่อนที่จะย้ายไปร่วมประชุมเอเปคภายหลัง

ก่อนหน้านี้ทั้งคู่มีประเด็นที่ไม่ลงรอยกันในหลายเรื่อง ทั้งประเด็นเรื่องของไต้หวัน ที่สหรัฐฯ คัดค้านความพยายามในการเปลี่ยนแปลงสถานะของไต้หวัน ตลอดจนความพยายามในการบ่อนทำลายเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวัน ขณะที่จีนเห็นว่า การสนับสนุนอธิปไตยของไต้หวัน ถือเป็นการละเมิดหลักการจีนเดียว

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการละเมิดสิทธิมนุษยชนกับผู้ประท้วงฮ่องกง ไปจนถึงชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ รวมถึงสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน เกาหลีเหนือ และอิหร่านที่ถูกมองว่าเป็นภัยความมั่นคงของโลก ซึ่งประเด็นเหล่านี้อยู่บนโต๊ะการหารือของผู้นำทั้งสอง

นี่เป็นการเจอกันครั้งแรกในรอบปี โดยทั้งคู่เจอกันครั้งล่าสุดคือ เมื่อเดือนพฤจิกายนปีที่แล้วในการประชุม G20 ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย  โดยไบเดนได้พูดกับสี จิ้นผิงก่อนการหารือจะเริ่มต้นว่า

ในฐานะที่รู้จักกันมานาน แม้จะเห็นไม่ตรงกันหลายเรื่อง แต่ทั้งสหรัฐฯ และจีนต้องรับประกันให้ได้ว่า การแข่งขันที่เกิดขึ้นจะไม่นำพาไปสู่ความขัดแย้ง และต้องจัดการทุกอย่างอย่างมีความรับผิดชอบด้วย

ในขณะที่สีจิ้นผิงตอบกลับว่า หลังจากเขาและไบเดนไม่เจอกันมานาน 1 ปี มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นทั่วโลกแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญที่สุดในโลก ควรวางวิสัยทัศน์ในมุมกว้างและควรพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติให้เป็นไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศ และเติมเต็มความรับผิดชอบต่อความก้าวหน้าของมวลมนุษย์ด้วย

หลังเสร็จสิ้นการหารือระหว่างผู้นำทั้งสองชาติที่กินเวลานานถึง 4 ชั่วโมง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้พาประธานาธิบดีสี เดินชมสวน ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสกันทั้งคู่ จากนั้นผู้นำทั้งสองได้รับประทานอาหารค่ำร่วมกัน  ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวมีกลุ่มคนที่สนับสนุนและคัดค้านออกมาประท้วงที่บริเวณด้านหน้าอาคารด้วย

ทั้งนี้มีรายงานในช่วงเริ่มต้นของการชุมนุม ว่ามีผู้ประท้วง 2-3 ร้อยคนได้ขวางถนนในซานฟรานซิสโก และปิดกั้นทางเข้าพื้นที่ศูนย์การประชุมเอเปค โดยกลุ่มผู้ประท้วงมีทั้งที่ต่อต้านและสนับสนุนจีน

ในช่วงเย็น ระหว่างที่ประธานาธิบดีสีประชุมร่วมกับบรรดาซีอีโอบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ มีกลุ่มผู้สนับสนุนและผู้ประท้วงรัฐบาลจีนต่างยืนเรียงรายบนถนน จากภาพคือผู้ประท้วงคนหนึ่งห่อตัวด้วยธงชาติทิเบต ปีนขึ้นเสาด้านหน้าโรงแรมและชูธงเพื่อเรียกร้องเสรีภาพให้กับทิเบต ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนจีน 2 ร้อยคนต่างร้องเพลงและโบกสะบัดธงชาติจีน

“ไบเดน-สี” จับมือฟื้นช่องทางสื่อสารระหว่างกองทัพ

หลังจากนั้น ประธานาธิบดีไบเดนได้ออกมาแถลงข่าวสรุปประเด็นสำคัญในการหารือกับผู้นำจีน โดยระบุว่า สหรัฐฯ และจีนตกลงกันได้ในหลายเรื่อง เช่น ความร่วมมือสกัดกั้นการผลิตยาเฟนทานิลที่กำลังระบาดในสหรัฐฯ ปัญญาประดิษฐ์  และที่สำคัญคือการตกลงให้มีการฟื้นฟูการสื่อสารระหว่างกองทัพสองประเทศ โดยผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่านี่คือสัญญานที่ดี

ทั้งนี้จีนได้ปิดช่องทางการสื่อสารกับสหรัฐฯ ทั้งหมดตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2022 โดยความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นเพื่อตอบโต้การเยือนไต้หวันของแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯในขณะนั้น

นอกเหนือจากการเดินทางเยือนไต้หวันของแนนซี เพโลซี แล้ว จีนยังไม่พอใจการออกมาประกาศจุดยืนของประธานาธิบดีไบเดนต่อกรณีไต้หวัน  ไม่ว่าจะเป็นการประกาศว่า ถึงแม้จะยึดหลักการจีนเดียว แต่สหรัฐฯ จะไม่ปิดโอกาสในการสานสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการกับไต้หวัน ไม่ว่าจะเป็นทางการทูตและการทหาร ซึ่งนั่นอาจหมายรวมถึงการที่สหรัฐฯ จะให้การปกป้องทางการทหารต่อไต้หวันหากถูกจีนโจมตี

ในระหว่างแถลงข่าวหลังหารือกับผู้นำจีน ผู้สื่อข่าวได้ถามประธานาธิบดีไบเดนว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงมีการพูดถึงเงื่อนไขหากจีนจะโจมตีไต้หวันหรือไม่ และสหรัฐฯ จะทำอย่างไร ประธานาธิบดีไบเดนตอบเพียงว่า สหรัฐฯ จะยังคงยึดหลักการจีนเดียวอย่างที่เคยปฏิบัติมา

หลายฝ่ายระบุว่า การฟื้นฟูช่องทางติดต่อระหว่างกองทัพและการแสดงจุดยืนของผู้นำสหรัฐฯ ต่อนโยบายจีนเดียว อาจทำให้บรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่คลอนแคลน กลับมาดีขึ้นได้บ้าง

ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นหมายถึงความตึงเครียดหลายจุดในภูมิภาคจะลดลง โดยเฉพาะในทะเลจีนใต้ โดยในช่วงที่ผ่านมา บริเวณทะเลจีนใต้มีความสุ่มเสี่ยงสูงที่จะเกิดการเผชิญหน้าทางการทหาร หลังจากที่กองทัพจีนส่งเรือรบและเครื่องบินรบเข้าใกล้เรือและเครื่องบินลาดตระเวนของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรในพื้นที่ดังกล่าวบ่อยครั้งขึ้น การเปิดช่องทางการสื่อสารดังกล่าว จะส่งผลดีในแง่ของการสื่อสารระหว่าง2 กองทัพ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด

ขณะที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ก็เปิดแถลงข่าวหลังการพูดคุยเช่นเดียวกัน โดยระบุว่า จีนไม่ได้ไฝ่หาสิ่งที่เรียกว่า Zero-sum เกม หรือการที่ผ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะเด็ดขาดหรือแพ้ย่อยยับ เพราะนั่นคือทิศทางที่ผิด อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจของการแถลงงของ

ผู้นำจีนคือ การระบุว่า จีนไม่เคยประสงค์ที่จะแทรกแซงกิจการภายในของสหรัฐฯ รวมถึงไม่เคยที่จะท้าทายหรือขึ้นมาแทนที่สหรัฐฯ

ตรวจหวยงวดนี้ - ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 ลอตเตอรี่ 16/11/66

เชียร์ "แอนโทเนีย" รอบตัดสิน Miss Universe 2023 เช้า 19 พ.ย.นี้

ตรวจผลออกรางวัลสลากออมสินพิเศษ 1 ปี งวดวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566

Bottom-PL-HLW Bottom-PL-HLW

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ