ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกเผชิญกับวิกฤตหลายอย่าง ส่งผลให้ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ต่าง ๆ ที่เดิมทีค่าครองชีพก็สูงเสียดฟ้าอยู่แล้ว
ตามดัชนีค่าครองชีพทั่วโลกประจำปีที่เผยแพร่โดย Economist Intelligence Unit (EIU) ระบุว่า ในปีนี้ ค่าครองชีพโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 7.4% โดยราคาสินค้าในกลุ่มของชำเพิ่มขึ้นเร็วที่สุด ส่วนราคากลุ่มสาธารณูปโภค ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อปี 2022 ในปีนี้กลับเป็นกลุ่มที่ปรับขึ้นน้อยที่สุด
อุตุนิยมวิทยาโลกประกาศ ปี 2023 เป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์
มหาดไทยรัสเซียเสนอ ต่างชาติที่จะเข้าประเทศต้องลงนาม “สัญญาจงรักภักดี”
ลูกข้าใครอย่าแตะ ฝูงช้างป่ารุมเหยียบรถยนต์ หลังขับไปชนลูกช้างในฝูง
แม้ว่าตัวเลขค่าครองชีพเฉลี่ยของปีนี้จะต่ำกว่าการเพิ่มขึ้น 8.1% ของการสำรวจในปีที่แล้วเล็กน้อย แต่ตัวเลขยังคงสูงกว่าแนวโน้มในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ
การสำรวจค่าครองชีพทั่วโลกปี 2023 นั้นดำเนินการสำรวจเมืองใหญ่ 173 เมืองทั่วโลก โดยเปรียบเทียบราคาสินค้ามากกว่า 400 รายการและราคาบริการต่าง ๆ อีกกว่า 200 รายการ
อูปาซานา ดัตต์ หัวหน้าฝ่ายค่าครองชีพทั่วโลกของ EIU กล่าวว่า “เราคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงชะลอตัวต่อไปในปี 2024 เนื่องจากผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเริ่มส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคด้วย”
อย่างไรก็ตาม ดัตต์กล่าวเตือนว่า ความเสี่ยงจากความขัดแย้งด้วยอาวุธและปัญหาสภาพอากาศสุดขั้วยังคงมีอยู่ “สงครามอิสราเอล-ฮามาสที่กำลังลุกลามจะผลักดันราคาพลังงานให้สูงขึ้น ในขณะที่ผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญจะผลักดันราคาอาหารให้สูงขึ้นไปอีก”
การเพิ่มขึ้นของค่าครองชีพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ส่งผลให้หลายเมืองมีค่าใช้จ่ายในการอาศัยและดำรงชีวิตสูงขึ้น แต่บางเมืองก็ได้รับผลกระทบหนักกว่าเมืองอื่น ๆ
EIU ระบุว่า นครซูริกของสวิตเซอร์แลนด์ และสิงคโปร์ ได้รับเลือกให้เป็นเมืองที่ค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก หรือก็คือมีค่าใช้จ่ายแพงที่สุดในโลกในการจะอยู่อาศัย
ปีที่แล้ว ซูริกอยู่ในอันดับที่ 6 เท่านั้น พุ่งพรวดขึ้นมาถึง 5 อันดับเต็ม ๆ เป็นผลมาจากการแข็งของสกุลเงินฟรังก์สวิส ควบคู่ไปกับราคาสินค้ากลุ่มของชำ ของใช้ในครัวเรือน และอุปกรณ์สันทนาการที่สูงขึ้น ส่วนสิงคโปร์นั้นค่าครองชีพด้านการคมนาคมขนส่งและเสื้อผ้าปรับสูงขึ้น
อันดับที่ 3 เป็นของมหานครนิวยอร์ก ซึ่งปีที่แล้วอยู่ในอันดับ 1 ร่วมกับสิงคโปร์ แต่ปีนี้อันดับตกลงมา ร่วมกับกรุงเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์
ฮ่องกง ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางแห่งเดียวในเอเชียใน 10 อันดับเมืองค่าครองชีพสุงที่สุดในโลก ปีนี้อยู่ในอันดับที่ 5 ขณะที่ลอสแอนเจลิสของสหรัฐฯ อยู่ที่อันดับ 6 และปารีสได้รับเลือกให้เป็นเมืองที่ค่าครองชีพสูงเป็นอันดับที่ 7 ของโลก
เทลอาวีฟของอิสราเอลอยู่ในอันดับที่ 8 ร่วมกับโคเปนเฮเกนของเดนมาร์ก และสุดท้าย ซานฟรานซิสโก ติดอันดับที่ 10
อย่างไรก็ตาม การสำรวจนี้ดำเนินการก่อนจะเกิดความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและฮามาส จึงเป็นไปได้ว่าในสถานการณ์จริงปัจจุบัน ค่าครองชีพในเทลอาวีฟอาจสูงกว่าในรายงานนี้
นอกจากนี้ เมืองในรัสเซียอย่างมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมีอันดับร่วงลงมามากที่สุด โดยมอสโกตกลงมา 105 อันดับมาอยู่ที่ 142 และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กตกลงมา 74 อันดับมาอยู่ที่ 147 โดยเกิดจากมูลค่าของค่าเงินรูเบิลที่อ่อนลงอย่างมากนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
การสำรวจยังพบว่า การฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 และความต้องการของผู้บริโภคที่ลดลง เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เมืองต่าง ๆ ในจีน เช่น ปักกิ่ง ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 34 เมื่อปีที่แล้ว ตกลงมาหลายอันดับเช่นกัน
ในส่วนของเมืองที่ค่าครองชีพถูกที่สุดในโลก ยังคงเป็นของ ดามัสกัส ประเทศซีเรีย ส่วนเตหะรานของอิหร่าน และตริโปลีของลิเบีย ก็อยู่ใกล้อันดับล่าง ๆ เช่นกัน
เรียบเรียงจาก CNN
ภาพจาก Anthony WALLACE / AFP
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP ต่างประเทศ
- วิดีโอยอดนิยม
