ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 13 เม.ย. ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นอิสราเอล เกิดข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเกี่ยวกับการขู่ตอบโต้ของอิหร่านต่อการสังหารนายทหารระดับสูง 2 นายในกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) จากเหตุถล่มสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัสของซีเรียเมื่อวันที่ 1 เม.ย.
กระทั่งเวลาประมาณ 23.00 น. (03.00 น. ของวันที่ 14 เม.ย. ตามเวลาประเทศไทย) พล.ร.ท. ดาเนียล ฮาการี โฆษกกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ออกมาประกาศว่า อิหร่านได้ส่งโดรนจำนวนมากมุ่งหน้ามายังอิสราเอลจริง
ฮาการีบอกว่า “อิหร่านได้ส่งอากาศยานไร้คนขับ (UAV) จากดินแดนของตนมายังดินแดนของรัฐอิสราเอล IDF อยู่ในภาวะตื่นตัวระดับสูงและเตรียมรับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ระบบป้องกันภัยทางอากาศมีความตื่นตัวสูงพร้อม ๆ กับเครื่องบินของกองทัพอากาศและเรือของกองทัพเรือที่ปฏิบัติภารกิจปกป้องน่านฟ้าของประเทศ IDF กำลังติดตามเป้าหมายทั้งหมด”
ณ เวลาดังกล่าว เจ้าหน้าที่บอกว่า โดรนเหล่านี้จะใช้เวลาเดินทางมายังดินแดนอิสราเอลภายในไม่กี่ชั่วโมง คาดเป็นโดรนชาเฮด (Shahed) ที่บินด้วยความเร็วประมาณ 150 กม./ชม. และกองกำลังของอิสราเอลอยู่ในการเฝ้าระวังระดับสูงเป็นเวลาหลายวันสำหรับความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะโจมตีโดยตรง
เจ้าหน้าที่ระบุว่า ประชาชนอาจได้ยินเสียงไซเรนแจ้งเตือนและเครื่องบินไอพ่นคำรามทั่วภาคเหนือของประเทศ และคาดว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศไอรอนโดม (Iron Dome) จะสามารถสกัดกั้นโดรนอิหร่านไว้ได้
หลังประกาศนี้ หลายประเทศข้างเคียงพากันประกาศปิดน่านฟ้าชั่วคราวเพื่อรอดูสถานการณ์ ขณะที่อิสราเอลประกาศปิดโรงเรียนทุกแห่งทั่วประเทศเป็นเวลา 2 วัน
นี่นับเป็นความเคลื่อนไหวที่ทำให้ทั้งสองประเทศใกล้จะเข้าสู่ภาวะความขัดแย้งเต็มรูปแบบหลังจากดำเนินสงครามใต้น้ำมานานกว่าทศวรรษและมีแนวโน้มว่าจะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งตะวันออกกลางทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
อาลี คาเมเนอี ผู้นำสุงสุดอิหร่าน ออกแถลงการณ์ยืนยันการโจมตีครั้งนี้ โดยบอกว่า “ระบอบการปกครองที่เป็นอันตราย (ของอิสราเอล) ซึ่งล้วนแต่เป็นความอาฆาตพยาบาท ความชั่วร้าย และความผิดพลาด ได้เพิ่มข้อผิดพลาดอีกครั้งให้กับข้อผิดพลาดของตัวเองด้วยการโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในซีเรีย สำนักงานกงสุลและสถานทูตในประเทศใดถือเป็นดินของประเทศที่สถานเอกอัครราชทูตสังกัดอยู่ การโจมตีสถานกงสุลก็เหมือนโจมตีดินแดนของเรา … ระบอบการปกครองที่เป็นอันตรายได้ดำเนินการผิดพลาดในกรณีนี้ มันควรจะถูกลงโทษและมันจะถูกลงโทษ”
ปฏิบัติการโจมตีนี้ อิหร่านตั้งชื่อว่า “ทรู โพรมิส” (True Promise) หรือสัญญาอันแท้จริง
ด้าน เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ออกแถลงการณ์ระบุว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา อิสราเอลได้เตรียมการสำหรับการโจมตีโดยตรงจากอิหร่าน”
“ระบบป้องกันของเราถูกใช้งาน เราพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ทั้งในเกมรับและเกมรุก รัฐอิสราเอลมีความเข้มแข็ง IDF มีความแข็งแกร่ง ประชาชนมีความเข้มแข็ง”
“เราขอขอบคุณที่สหรัฐฯ ยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอล ตลอดจนการสนับสนุนของอังกฤษ ฝรั่งเศส และประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย”
“เราได้กำหนดหลักการไว้ชัดเจนแล้ว ใครก็ตามที่ทำร้ายเรา เราก็จะทำร้ายพวกเขาคืน เราจะปกป้องตนเองจากภัยคุกคามใด ๆ และจะทำอย่างมีระดับและด้วยความมุ่งมั่น”
“พลเมืองของอิสราเอล ผมขอให้พวกคุณปฏิบัติตามคำสั่งของกองบัญชาการหลัก IDF เราจะยืนหยัดร่วมกันและด้วยความช่วยเหลือจากพระเจ้า เราจะเอาชนะศัตรูทั้งหมดของเราด้วยกัน”
ส่วนทางฝั่งของพันธมิตรที่สำคัญอย่างสหรัฐฯ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ยกเลิกภารกิจทั้งหมด และเดินทางกลับทำเนียบขาวทันที รวมถึงสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนเคียงข้างอิสราเอล
จากนั้นเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นอิสราเอล (05.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) IDF รายงานเพิ่มเติมว่า อิหร่านได้ปล่อยโดรนบรรทุกระเบิดมากกว่า 100 ลูกใส่อิสราเอล ขณะที่สื่อบางสำนักรายงานว่ามีขีปนาวุธร่อนด้วย แต่กองทัพอิสราเอลยังไม่ยืนยัน
สื่อของรัฐอิหร่านรายงานว่า มีการยิงขีปนาวุธด้วยเช่นกัน โดยอ้างคำแถลงจากกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่านว่า “เพื่อตอบสนองต่ออาชญากรรมจำนวนมากที่กระทำโดยระบอบไซออนิสต์ (อิสราเอล) รวมถึงการโจมตีสถานกงสุล … กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามได้ยิงขีปนาวุธและโดรนจำนวนมากไปยังเป้าหมายภายในดินแดนที่ถูกยึดครอง”
สำนักข่าว IRNA ของรัฐอิหร่านระบุว่า เกือบ 1 ชั่วโมงหลังจากโดรนถูกปล่อย อิหร่านได้ยิง “ขีปนาวุธชุดแรก” ออกไปแล้ว
กระทั่งเวลา 02.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (06.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ระบบแจ้งเตือนของอิสราเอลทำงาน เสียงไซเรนดังไปทั่วประเทศรวมถึงมีเสียงระเบิดเหนือน่านฟ้าหลายเมือง ทั้งเทลอาวีฟ เยรูซาเลม รวมถึงดิโมนา ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของอิสราเอล
ทั้งนี้ มีรายงานว่า โดรนบางส่วนของอิหร่านที่กำลังมุ่งหน้าไปอิสราเอลได้รุกล้ำน่านฟ้าของจอร์แดน ทำให้กองทัพอากาศจอร์แดนยิงโดรนอิหร่านตกหลายสิบลำ ทำให้สื่อบางสำนักระบุว่า รัฐบาลอิหร่านกำลังติดตามการกระทำของจอร์แดนอย่างใกล้ชิด และอาจพิจารณาเป็น “เป้าหมายต่อไป” หากกระทำการใด ๆ ที่เป็นการปกป้องอิสราเอล
ขณะเดียวกัน พันธมิตรสหรัฐฯ-สหราชอาณาจักรได้ช่วยอิสราเอลยิงโดรนของอิหร่านตกเหนือจอร์แดน อิรัก และซีเรีย ในความพยายามที่จะยุติการโจมตีและป้องกันไม่ให้บานปลายบานปลายจนไม่อาจควบคุมได้
เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า “ตามความมุ่งมั่นอันแข็งแกร่งของเราต่อความมั่นคงของอิสราเอล กองกำลังสหรัฐฯ ในภูมิภาคยังคงยิงโดรนอิหร่านตก โดยมุ่งเป้าไปที่อิสราเอล ... กองกำลังของเรายังคงเตรียมพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการป้องกันเพิ่มเติม และเพื่อปกป้องกองกำลังสหรัฐฯ ที่ปฏิบัติการในภูมิภาคนี้”
จากนั้นเมื่อประมาณ 03.40 น. (07.40 น. ตามเวลาประเทศไทย) IDF รายงานว่า เครื่องบินรบของอิสราเอลสามารถสกัดกั้นขีปนาวุธร่อนของอิหร่านได้มากกว่า 10 ลูกนอกพรมแดนของประเทศ เช่นเดียวกับโดรนหลายสิบลำ และเสริมว่า จำนวนการโจมตีทางอากาศทั้งหมดที่ปล่อยจากอิหร่านอยู่ที่ประมาณ 200 หน่วย
สำหรับความเสียหายขณะนี้ ณ เวลา 08.20 น. ตามเวลาบ้านเรา มีรายงานการบาดเจ็บเล็กน้อยที่ฐานทัพทหารแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของอิสราเอล และมีความเสียหายเล็กน้อยต่อโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงมีเด็กได้รับบาดเจ็บ 1 คน
ต่อมาเวลา 09.45 น. เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 นายเปิดเผยว่า ระลอกการโจมตีของอิหร่านที่มุ่งหน้ามายังอิสราเอลดูเหมือนจะลดลงแล้ว รวมการโจมตีใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง
ด้านประธานาธิบดีไบเดนออกมาระบุว่า โดรนและขีปนาวุธของอิหร่านเกือบทั้งหมดถูกสกัดกั้นไว้ได้แล้ว
เขาบอกว่า “เพื่อสนับสนุนการป้องกันอิสราเอล กองทัพสหรัฐฯ ได้เคลื่อนย้ายเครื่องบินและเรือพิฆาตป้องกันขีปนาวุธไปยังพื้นที่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องขอบคุณการจัดวางกำลังเหล่านี้และทักษะพิเศษของสมาชิกของเรา เราจึงช่วยให้อิสราเอลกำจัดโดรนและขีปนาวุธที่เข้ามาเกือบทั้งหมดได้”
ไบเดนยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ต่ออิสราเอลในการโทรศัพท์พูดคุยกับเนทันยาฮู “ผมบอกเขาว่า อิสราเอลแสดงให้เห็นถึงความสามารถอันน่าทึ่งในการป้องกันและเอาชนะแม้กระทั่งการโจมตีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเป็นการส่งข้อความที่ชัดเจนถึงศัตรูว่า พวกเขาไม่สามารถคุกคามความมั่นคงของอิสราเอลได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
เจ้าหน้าที่อิสราเอล 2 คนเปิดเผยกับนิวยอร์กไทม์ส ว่า ในการโจมตีครั้งนี้ อิหร่านใช้โดรนทั้งสิ้น 185 ลำ ขีปนาวุธร่อน 36 ลูก และขีปนาวุธจากพื้นสู่พื้น 110 ลูก ส่วนใหญ่ถูกปล่อยมาจากอิหร่าน และมีส่วนน้อยถูกปล่อยมาจากอิรักและเยเมน
เรียบเรียงจาก BBC / CNN / The Guardian
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP ต่างประเทศ
- วิดีโอยอดนิยม
