เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ล็อบบี้ของทรัมป์ทาวเวอร์ในแมนฮัตตัน รัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เคยใช้ประกาศลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรกในปี 2015 พบโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีได้ออกมากล่าวปราศรัยความยาว 33 นาที
โดยประเด็นสำคัญที่ทรัมป์ออกมาพูดถึง คือคำตัดสินคดีอาญาคดีแรกของเขา ซึ่งก็คือคดีจ่ายเงินปิดปากเรื่องอื้อฉาวเพื่อชักจูงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016
ทั้งนี้ทรัมป์ยืนยันว่า เขาจะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาคดีดังกล่าว โดยเขาจะดำเนินการตามขั้นตอน หลังวันที่ 11 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่มีการตัดสินกำหนดบทลงโทษ
อย่างไรก็ตามระหว่างการปราศรัยทรัมป์ได้ตำหนิการพิจารณาคดีดังกล่าวว่าเป็นความพยายามที่จะขัดขวางการเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯของเขาอีกครั้ง และเตือนว่า ไม่มีชาวอเมริกันคนใดที่ปลอดภัยจากการถูกดำเนินคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมือง
สำหรับคดีนี้อาจเป็นคดีอาญาคดีเดียวของทรัมป์ จากทั้งหมด 4 คดี ที่ได้รับการพิจารณาคดีก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้
โดยคดีดังกล่าว คณะลูกขุนตัดสินว่า ทรัมป์ มีความผิดตามข้อกล่าวหาทั้งหมด 34 กระทงที่เกี่ยวข้องกับความผิดฐานเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงเอกสารแสดงบัญชีทรัพย์สินและรายรับ-รายจ่าย
หนึ่งในรายการใช้จ่ายที่ถูกปลอมแปลงและเป็นประเด็นใจกลางของคดีนี้ก็คือ เงินค่าปิดปากของสตอร์มี แดเนียลส์ ดาราภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์ลับกับทรัมป์เมื่อปี 2006
โดยทรัมป์ได้มอบหมายให้ ไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความส่วนตัวของทรัมป์นำเงินจำนวน 130,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.7 ล้านบาทจ่ายเป็นค่าปิดปาก ไม่ให้ดาราภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่รายนี้เผยแพร่ข่าวฉาวในช่วงที่ทรัมป์กำลังสู้ศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับฮิลลารี คลินตันในการเลือกตั้งเมื่อปี 2016
อัลวิน แบรกก์ อัยการเขตกล่าวหาว่าการจ่ายเงินปิดปากของทรัมป์เป็นไปเพื่อไม่ให้มีเรื่องอื้อฉาวที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์หลุดรอดออกมา ซึ่งถือเป็นการพยายามใช้อิทธิพลชักจูงการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016
สำหรับคำพิพากษาดังกล่าวทำให้ ทรัมป์ เป็นอดีตประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯที่ถูกตัดสินให้มีความผิดทางอาญา โดยความผิดแต่ละกระทง มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 4 ปี ซึ่งเท่ากับว่า หากทรัมป์ถูกตัดสินจำคุกเขาอาจต้องเผชิญโทษจำคุกรวมกันมากกว่า 130 ปี
อย่างไรก็ตามไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของทรัมป์ คาดการณ์ว่าในที่สุดแล้วศาลฎีกาของสหรัฐฯ จะล้มล้างคำตัดสินดังกล่าว
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนประเมินว่ามีโอกาสที่ผู้พิพากษาจะไม่ตัดสินโทษจำคุกทรัมป์และลงโทษโดยการปรับเงินมากกว่า เนื่องจากนี่เป็นคดีอาญาคดีแรกที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ถูกตัดสินว่ามีความผิด รวมถึงการปลอมแปลงเอกสารบัญชีไม่ใช่ความผิดที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรง
อย่างไรก็ตามหากทรัมป์ถูกตัดสินโทษจำคุก ทรัมป์จะยังลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีได้เนื่องจากรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ไม่ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งว่าห้ามมีคดีหรือความผิดทางอาญาติดตัว
ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ระบุว่า ทรัมป์ ได้รับโอกาสที่จะต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ไปแล้วในกระบวนการยุติธรรม พร้อมย้ำว่า ที่สหรัฐฯ ไม่มีใครที่อยู่เหนือกฎหมายได้
ส่วนการตัดสินในคดีนี้ไม่สามารถขัดขวางทรัมป์ในการรณรงค์หาเสียง เพื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ ขณะเดียวกันหลังคำตัดสินดังกล่าว พบมีผู้บริจาครายย่อยให้กับการรณรงค์หาเสียงของเขาสูงถึง 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มเป็นเกือบสองเท่าของสถิติยอดบริจาครายวันก่อนหน้านี้