ประธานาธิบดียูเครน โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี เปิดเผยว่า หมู่บ้านและชุมชน 74 แห่งในภูมิภาคเคิร์สก์ ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย ได้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพยูเครนแล้ว และการจู่โจมจะเดินหน้าต่อไป โดยได้มีการจัดเตรียมความพร้อมสำหรับภารกิจในขั้นตอนต่อไป
นอกจากนี้ เซเลนสกีระบุว่า ตลอด 1 สัปดาห์ของปฏิบัติการรุกข้ามพรมแดน กองทัพยูเครนสามารถจับทหารรัสเซียได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งเชลยศึกเหล่านี้้จะถูกนำไปต่อรองกับรัสเซียเพื่อให้ปล่อยตัวทหารยูเครนที่ถูกจับตัวไปก่อนหน้านี้
ด้านกระทรวงต่างประเทศของยูเครน ระบุในวันอังคารว่า ยูเครนไม่ได้สนใจเรื่องการยึดครองดินแดนในภูมิภาคเคิร์สก์ แต่เป็นการกดดันให้รัสเซียเร่งทำข้อตกลงสันติภาพด้วยเงื่อนไขที่เป็นธรรม พร้อมเสริมว่าปฏิบัติการนี้กำลังช่วยเหลือทหารยูเครนในแนวหน้า เนื่องจากทำให้รัสเซียไม่สามารถส่งกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าสู่ภูมิภาคดอนบาส ทางภาคตะวันออกของยูเครนได้
อย่างไรก็ตามกองทัพยูเครนยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่ารัสเซียได้ลดระดับความเข้มข้นในการโจมตีพื้นที่ทางตะวันออก แม้จะพบว่ากองกำลังรัสเซียบางส่วนได้ถูกส่งไปที่ภูมิภาคเคิร์สก์ก็ตาม
ขณะที่นักวิเคราะห์ด้านการทหารเชื่อว่ารัสเซียสามารถระดมทหารจากพื้นที่ใกล้เคียงภูมิภาคเคิร์สก์ เพื่อผลักดันกองกำลังยูเครนให้ถอยร่นออกไปได้ โดยไม่กระทบกับกองกำลังหลักที่พยายามบุกยึดเมือง "ทอเรสก์" (Toretsk) และ โพ-ครอฟสก์ (Pokrovsk) ในยูเครน
ส่วนความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือยูเครน นายกรัฐมนตรี เดนิส ชมิฮาล เปิดเผยเมื่อวันที่ 13 ส.ค. ว่า สหภาพยุโรปได้มอบเงินเกือบ 4,200 ล้านยูโร หรือประมาณ 170,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินก้อนแรกจากกองทุนสนับสนุนการฟื้นฟูยูเครนจากสงครามกับรัสเซีย
การให้ความช่วยเหลือยูเครนภายใต้กองทุนนี้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยเป็นแผนระยะเวลา 4 ปี กำหนดวงเงินไว้ที่ 50,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 2 ล้านล้านบาท ทั้งในรูปแบบของเงินสนับสนุนและเงินกู้เพื่อนำไปฟื้นฟู บูรณะ และปรับปรุงให้ประเทศมีความทันสมัย
จับตา! ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ชะตา คดีถอดถอน “เศรษฐา”
ไทม์ไลน์คดีถอดถอน “เศรษฐา” ก่อนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง!
ผัก-ผลไม้จีน ทะลักตลาดสดโคราช ถูกกว่าไทยเท่าตัว-เกษตรกรไทยกระทบเต็มๆ