ตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา โลกได้เห็นปฏิบัติการครั้งใหม่ของยูเครนในการโจมตีข้ามพรมแดนไปยังรัสเซีย ซึ่งตามคำกล่าวอ้างของทางการยูเครนแล้ว ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จอย่างมาก ถือเป็นการฟื้นคืนโมเมนตัมและขวัญกำลังใจของยูเครนได้อย่างชัดเจน
ปฏิบัติการนี้นับเป็นก้าวสำคัญของสงครามจากฝั่งของยูเครน แต่การจะบอกว่าเป็นความสำเร็จหรือความล้มเหลวนั้นยังเร็วเกินไป
เป้าหมายของการโจมตีข้ามพรมแดนครั้งนี้ยังไม่ชัดเจน แม้ว่าประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี จะเคยพูดว่า มีการกำหนดเป้าหมายไปยังจุดที่รัสเซียสามารถโจมตียูเครนได้ และทำให้ยูเครนเข้าใกล้ “สันติภาพที่ยุติธรรม” มากขึ้น
จับตา! ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ชะตา คดีถอดถอน “เศรษฐา”
ไทม์ไลน์คดีถอดถอน “เศรษฐา” ก่อนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง!
ผัก-ผลไม้จีน ทะลักตลาดสดโคราช ถูกกว่าไทยเท่าตัว-เกษตรกรไทยกระทบเต็มๆ
ยังไม่แน่ชัดว่าดินแดนของรัสเซียถูกยึดไปเท่าใด ท่ามกลางความกังขาเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างของผู้บัญชาการทหารสูงสุด โอเล็กซานเดอร์ เซียร์สกี ที่บอกว่า ยูเครนควบคุมพื้นที่กว่า 1,000 ตารางกิโลเมตรในรัสเซียได้แล้ว
ขณะที่เมื่อวันที่ 13 ส.ค. กระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนกรานว่า ความพยายามของยูเครนที่จะรุกเข้าไปในดินแดนรัสเซียนั้นถูกขัดขวาง
แต่ไม่ว่าความเป็นจริงจะเป็นอย่างไร ดูเหมือนว่ายูเครนจะมุ่งมั่นกับการเดิมพันทางการทหารครั้งนี้มาก
เจ้าหน้าที่ทหารในหน่วยโดรนของยูเครนนายหนึ่งเปิดเผยว่า ภารกิจนี้ “เจ๋งดี” โดยหน่วยโดรนของพวกเขาใช้เวลา 2 วันในการปูทางสำหรับการโจมตีข้ามพรมแดนครั้งนี้
“เราได้รับคำสั่งให้มาที่นี่ แต่เราไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร เราปิดกั้นช่องทางการสื่อสารและการเฝ้าระวังของศัตรูไว้ล่วงหน้าเพื่อเคลียร์ทาง” ทหารนายนี้กล่าว
ทหารยูเครนอีกนายหนึ่งที่ยังคงอยู่ในรัสเซียบอกว่า การวางแผนเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อบีบบังคับให้รัสเซียย้ายทหารจากส่วนอื่น ๆ ของแนวหน้าในยูเครนนั้นใช้ได้ผล
“องค์ประกอบของความประหลาดใจได้ผล เราบุกเข้าไป (ในรัสเซีย) ได้อย่างง่ายดายโดยแทบไม่มีการต่อต้าน ในวันที่ 6 ส.ค. ทหารกลุ่มแรกข้ามไปในตอนกลางคืนในหลายทิศทาง ... พวกเขาไปถึงชานเมืองทางตะวันตกของเมืองซุดชาเกือบจะในทันที” เขากล่าว
ทหารยูเครนยืนยันด้วยว่า กองกำลังรัสเซียได้ถูกเรียกตัวกลับจากแนวรบด้านตะวันออกจริง ๆ รวมถึงทิศทางคาร์คิฟ โปครอฟสก์ และโทเรตสก์ แต่ยังไม่มีใครรายงานว่าการรุกคืบของรัสเซียช้าลง
ด้านชาวยูเครนบางส่วนที่อยู่ใกล้ชายแดนรู้สึกยินดีและสนับสนุนปฏิบัตืการโจมตีข้ามแดนนี้
มิชา ชาวยูเครน บอกว่า “ผมต้องการให้พวกเขายึดภูมิภาคเคิร์สก์ ... พวกเขาควรยึดทุกอย่าง แม้แต่มอสโกด้วย!”
วาเลรา ชาวยูเครนอีกคนหนึ่ง กล่าวว่า “รัสเซียเป็นคนโจมตีก่อน ไม่ใช่เรา ... ตอนนี้พวกเราตอบโต้แล้วและแสดงให้เห็นว่าเราทำอะไรได้บ้าง ถ้าได้รับอนุญาต เราก็คงจะยึดครองมันได้เร็วกว่านี้”
แต่มีการประเมินว่า ปฏิบัติการครั้งนี้มีความเสี่ยงสูงและอาจไม่สามารถหวังผลระยะยาวได้ เพราะกองกำลังยูเครนมีจำนวนน้อยกว่าฝ่ายรัสเซีย
ทหารยูเครนบอกว่า “การที่เราจะรักษาดินแดนของรัสเซียที่ยึดมานี้ไว้ได้ เราต้องมีสองสิ่ง หนึ่งคือการควบคุมเมืองต่าง ๆ เช่น ซุดชา และอีกสิ่งคือกองหนุน แต่แนวหน้าของเราก็ต้องการกำลังพล และยังไม่ชัดเจนว่าเราจะเอากำลังพลสนับสนุนเหล่านั้นมาจากไหน”
สำหรับยูเครน สิ่งที่จะได้จากปฏิบัติการนี้ อย่างน้อยในระยะสั้น คือการบังคับรัสเซียให้เปลี่ยนจุดเน้นจากการสู้รบบนผืนแผ่นดินยูเครนมาเป็นที่ฝั่งรัสเซีย และบางคนในยูเครนเชื่อว่า การโต้กลับครั้งนี้อาจช่วยเสริมอำนาจการเจรจาต่อรองสันติภาพในอนาคตได้
เรียบเรียงจาก BBC