การส่งนักบินอวกาศออกไปไกลกว่าระบบสุริยะจักรวาลถือเป็นเป้าหมายและความฝันที่สำคัญของมนุษยชาติ แต่อุปสรรคหนนึ่งที่ทำให้ภารกิจนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้คือเรื่องของ “อาหาร” เพราะหากอาหารบนยานอวกาศหมด ชะตากรรมที่นักบินอวกาศต้องเจอคือการอดอยากอยู่ท่ามกลางจักรวาลอันเวิ้งว้าง
แต่ล่าสุดนักวิจัยได้ค้นพบวิธีผลิตอาหารจากองค์ประกอบบนดาวเคราะห์น้อยที่มีอยู่ทั่วไปในเอกภพแล้ว ซึ่งอาจเป็นทางแก้ทำให้นักบินอวกาศไม่อดตายเมื่อต้องเดินทางไปไปทำภารกิจเป็นระยทางไกล ๆ ในอวกาศ
ทีมวิจัยซึ่งนำโดย เอริก พิลเลส จากสถาบันสำรวจโลกและอวกาศแห่งมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ได้ค้นพบวิธีผลิตชีวมวลที่กินได้ โดยใช้จุลินทรีย์และสารประกอบอินทรีย์ที่พบในดาวเคราะห์น้อย ผลการวิจัยของพวกเขาได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Astrobiology เมื่อวันที่ 3 ต.ค.
กรมอุตุฯ ประกาศฉบับที่ 3 อิทธิพลพายุ “จ่ามี” ฝนถล่มไทย 26-29 ต.ค. นี้
เช็กชื่อ 7 จำเลยคดีตากใบ! ที่ยังจับดำเนินคดีไม่ได้
ตาราง MotoGP 2024 ! โปรแกรมถ่ายทอดสด โมโตจีพี 2024 พร้อมลิงก์ดูโมโตจีพี
พิลเลสบอกว่า “การสำรวจระบบสุริยะอย่างลึกซึ้งนั้น จำเป็นต้องพึ่งพาการลำเลียงเสบียงจากโลกให้น้อยลง”
ปัจจุบัน ลูกเรือบนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) พึ่งพาภารกิจลำเลียงเสบียงจากโลก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงและมีความซับซ้อนด้านการขนส่ง ขณะที่การทำฟาร์มในอวกาศก็มีความซับซ้อนเช่นกัน นั่นคือเหตุผลที่นักวิจัยพยายามหาแหล่งอาหารที่ง่ายกว่านั้น นั่นคือบรรดาดาวเคราะห์น้อยหรือหินที่ล่องลอยอยู่ในอวกาศ
วิธีที่นักวิจัยพบคือ ใช้ความร้อนสูงในการสลายสารประกอบอินทรีย์ที่พบในดาวเคราะห์น้อยในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีออกซิเจน เป็นกระบวนการที่เรียกว่าไพโรไลซิส (Pyrolysis) โดยจะได้ไฮโดรคาร์บอนซึ่งเป็นสารอินทรีย์ออกมา
จากนั้นให้จุลินทรีย์กินสารอินทรีย์ดังกล่าว พวกมันก็จะผลิตชีวมวลที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่อมนุษย์ออกมา
นักวิจัยมุ่งเน้นการศึกษาไปที่ดาวเคราะห์น้อยประเภทที่เรียกว่า Carbonaceous Chondrite ซึ่งมีน้ำมากถึง 10.5% และมีสารอินทรีย์ในปริมาณมาก
ตัวอย่างของดาวเคราะห์น้อยประเภท Carbonaceous Chondrite คือ “เบนนู” (Bennu) ซึ่งภารกิจ OSIRIS-REx ของนาซาได้เดินทางไปเยือนและเก็บตัวอย่างส่งกลับมายังโลกเมื่อปี 2023
อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ยังไม่ได้ทำงานกับตัวอย่างดาวเคราะห์น้อยจริง ๆ แต่นักวิจัยประเมินว่า ดาวเคราะห์น้อยอย่างเบนนูอาจสามารถผลิตชีวมวลที่กินได้ประมาณ 50-6,550 ตัน ซึ่งมีแคลอรีเพียงพอสำหรับเลี้ยงนักบินอวกาศได้ระหว่าง 600-17,000 ปี
ตัวเลขขั้นต่ำดังกล่าวนั้นคือในกรณีที่ใช้เพียงไฮโดรคาร์บอนเท่านั้นมาแปลงเป็นอาหาร ในขณะที่ปริมาณสูงสุดนั้นต้องใช้สารอินทรีย์ที่ไม่ละลายน้ำทั้งหมดของดาวเคราะห์น้อยประกอบด้วย
ดังนั้น ในทางทฤษฎีแล้ว การขุดดาวเคราะห์น้อยอาจปฏิวัติการเดินทางในอวกาศระยะยาวได้ โดยทำให้นักบินอวกาศสามารถหาอาหารจากดาวเคราะห์น้อยแทนที่จะต้องส่งอาหารจำนวนมากจากโลกขึ้นสู่อวกาศ
อย่างไรก็ตาม การศึกษาเพิ่มเติมจะต้องดูว่าจะมีการขุดและแปรรูปดาวเคราะห์น้อยอย่างไรในภารกิจดังกล่าว และอาหารที่ได้นั้นเหมาะสมต่อการบริโภคและมีรสชาติที่รับได้หรือไม่
ทีมวิจัยระบุว่า “จากผลลัพธ์เหล่านี้ แนวทางการใช้คาร์บอนในดาวเคราะห์น้อยเพื่อเป็นแหล่งอาหารสำหรับมนุษย์ที่สำรวจระบบสุริยะนั้นดูมีแนวโน้มดี แต่ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอีกมากในอนาคต”
อ่านงานวิจัยฉบับเต็ม ที่นี่
เรียบเรียงจาก Space.com