หนึ่งในธุรกิจที่เติบโตอย่างมากญี่ปุ่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือการถือกำเนิดของบริการรับจ้างลาออกจากงาน ซึ่งเรียกกันว่า “ไทโชคุ ไดโค” (ตัวแทนลาออกจากงาน) ในภาษาญี่ปุ่น
บริษัทเหล่านี้จะติดต่อนายจ้างของคุณและแจ้งข่าวว่าคุณกำลังลาออก โดยคิดค่าบริการ จากนั้นจะดำเนินการในนามของคุณสำหรับการติดต่ออื่น ๆ ที่จำเป็นในการตัดความสัมพันธ์ทางอาชีพของคุณจากที่ทำงาน
ความต้องการเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากในวัฒนธรรมญี่ปุ่น หากจะลาออก มักถูกหัวหน้าทำให้คุณรู้สึกผิดเกี่ยวกับการลาออก ถูกกดดันให้ทำงานต่อ หรือความอึดอัดที่อาจเกิดขึ้นอื่น ๆ เมื่อคุณยื่นใบลาออกด้วยตัวเอง
วิธีเปลี่ยนเสียงเรียกเข้า-เสียงรอสายเฉพาะแชตบน LINE
ส่อง 30 ลุค! พร้อมเคาะคะแนน "โอปอล สุชาตา" ก่อนรอบพรีลิมฯ "Miss Universe 2024" 15 พ.ย.นี้!
ย้อนดูมูลค่าตัวเลขการซื้อลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก ในประเทศไทย
หนึ่งในบริษัทตัวแทนลาออกจากงานในญี่ปุ่น ได้แก่ “โมมูริ” (Momuri) ซึ่งชื่อของบริษัทเป็นการเล่นคำจาก “Mou muri” ที่แปลว่า ฉันรับไม่ไหวแล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทเจอสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เมื่อโมมูริได้รับการติดต่อจากบริษัทรับจ้างลาออกอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งแจ้งโมมูริว่า พวกเขาได้รับการว่าจ้างโดยพนักงานของโมมูริคนหนึ่งที่ต้องการลาออก
โมมูริเล่าเรื่องนี้ผ่านโพสต์บนบัญชี X อย่างเป็นทางการของบริษัท โดยบอกว่า ก่อนที่จะมาเป็นพนักงานของโมมูริ นายเอ (นามสมมติ) เคยเป็นลูกค้าของโมมูริ และจ้างโมมูริเมื่อพวกเขาลาออกจากงานก่อนหน้านี้
จากนั้นนายเอก็สมัครงานกับโมมูริในขณะที่บริษัทกำลังมองหาพนักงานพาร์ตไทม์ และแม้ว่านายเอจะมีประวัติการเปลี่ยนงานบ่อยครั้งหลังจากทำงานไปได้ไม่นาน แต่โมมูริก็ตัดสินใจจ้างเขา
อย่างไรก็ตาม นายเอแทบจะไม่มาทำงานตามกะของเขาเลย โดยมักจะบอกว่าเขาไม่สบายและต้องการลางานในวันนั้น นายเอมีกำหนดต้องเข้ามาทำงานเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา แต่ในวันนั้น โมมูริกลับได้รับโทรศัพท์จากตัวแทนรับจ้างลาออกจากงานอีกเจ้าแทน
เมื่อโมมูริถามว่า ทำไมนายเอถึงตัดสินใจเช่นนั้น ผู้รับมอบอำนาจก็บอกว่า นายเอรู้สึกว่า งานที่ได้รับมอบหมายนั้น ไม่เหมาะกับบุคลิกของเขา
“เราเคยยืนยันเสมอมาว่า ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามมากเพียงใด ก็ยังมีบางกรณีที่บริษัทและคนงานบางคนไม่เข้ากัน” โมมูริกล่าวใน X และบอกว่า บริษัทจะไม่พยายามโน้มน้าวอาซังให้เปลี่ยนใจ
บริษัทเสริมว่า “ตอนนี้สิ่งที่เราทำได้คือ ไตร่ตรองถึงประสบการณ์อันมีค่านี้และนำความรู้นั้นมาใช้เพื่อลดความไม่เข้ากันดังกล่าวในอนาคต” พร้อมทั้งจะทำการประเมินตนเองว่า ได้ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อตระหนักถึงความกังวลของพนักงานและดูว่าได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้วหรือยัง รวมถึงพยายามปรับปรุงสภาพแวดล้อมในที่ทำงานต่อไป
นอกจากนี้ โมมูริยังหวังว่า มุมมองใหม่ที่ได้จากการอยู่ในสถานะนายจ้างที่ลูกน้องต้องการลาออกครั้งนี้ จะช่วยนำมาปรับใช้กับการทำงานของพวกเขาได้
เรียบเรียงจาก SoraNews24