ในสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ดำเนินมาอย่างเนิ่นนานนั้น คนที่เป็นกังวลที่สุดคือ 3 ประเทศในภูมิภาคสแกนดิเนเวีย นั่นคือ สวีเดน นอร์เวย์ และฟินแลนด์ เพราะมีพรมแดนที่ติดหรือใกล้กับรัสเซีย
เมื่อรัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนทำให้ 3 ชาตินี้เกิดความกังวลว่ารัสเซียอาจบ้าเลือดมาบุกพวกตนเข้าสักวัน โดยเฉพาะสวีเดนและฟินแลนด์ซึ่งวางสถานะเป็นกลางมาตลอดยังถึงขั้นตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรทางทหารนาโต
ล่าสุด สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ดูมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้น จากการที่เกาหลีเหนือส่งทหารไปช่วยรัสเซีย และสหรัฐฯ อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีเข้าไปในดินแดนรัสเซียได้ ทำให้ 3 ประเทศเพื่อนบ้านนี้ตัดสินใจยกระดับการเตรียมพร้อมไปอีกขั้น ด้วยการออกคู่มือ “เอาชีวิตรอดในช่วงสงคราม” ให้ประชาชน
ในวันที่ 18 พ.ย. ชาวสวีเดนหลายล้านคนจะเริ่มได้รับแผ่นพับแนะนำประชาชนเกี่ยวกับการเตรียมตัวและรับมือกับเหตุการณ์สงครามหรือวิกฤตการณ์อื่น ๆ ที่ไม่คาดคิด เป็นคู่มือที่ชื่อว่า “หากวิกฤตหรือสงครามเกิดขึ้น”
“ไบเดน” ไฟเขียวยูเครนใช้ขีปนาวุธ ATACMS ของสหรัฐฯ ถล่มรัสเซีย!
อิสราเอลทำลายโรงงานอาวุธนิวเคลียร์ลับของอิหร่าน
"บันยาญ่า" เข้าวินสนามสุดท้าย "มาร์ติน" ผงาดคว้าแชมป์โลก โมโตจีพี 2024
คู่มือนี้ได้รับการปรับปรุงจากเนื้อหาเดิมเมื่อ 6 ปีที่แล้ว และขยายขนาดให้ใหญ่กว่าเดิม 2 เท่า หลังจากรัฐบาลสวีเดนบอกว่าสถานการณ์ด้านความปลอดภัยกำลังเลวร้ายลง ซึ่งหมายถึงการรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบของรัสเซีย
สำหรับชาวสวีเดน แนวคิดเรื่องสมุดคู่มือฉุกเฉินสำหรับพลเรือนไม่ใช่เรื่องใหม่ หนังสือ “If War Comes” ฉบับพิมพ์ครั้งแรกนั้นตีพิมพ์ขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการปรับปรุงในช่วงสงครามเย็น
แต่มีข้อความหนึ่งที่ถูกเลื่อนขึ้นมาจากตรงกลางเล่ม “หากสวีเดนถูกโจมตีโดยประเทศอื่น เราจะไม่ยอมแพ้ ข้อมูลทั้งหมดที่บอกว่าจะไม่มีการต่อต้านนั้นเป็นเท็จ”
เมื่อเดือนที่แล้ว คาร์ล-ออสการ์ โบห์ลิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพลเรือนของสวีเดนกล่าวว่า เนื่องจากบริบทระดับโลกเปลี่ยนไป ข้อมูลที่ส่งถึงครัวเรือนของสวีเดนจึงต้องสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน
เมื่อต้นปีนี้ เขายังเตือนว่า “สวีเดนอาจเกิดสงคราม” แม้ว่าจะถูกมองว่าเป็นการเตือนสติมากกว่าจะเกิดขึ้นจริงก็ตาม
คู่มือของสวีเดนแนะนำให้ประชาชนเตรียมมันฝรั่ง กะหล่ำปลี แครอท และไข่ พร้อมด้วยซอสโบโลเนสกระป๋อง และซุปบลูเบอร์รีและโรสฮิปที่ปรุงเสร็จแล้ว คำแนะนำที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งคือให้มีอาหารและน้ำดื่มเพียงพอสำหรับอย่างน้อย 72 ชั่วโมง
ขณะที่ชาวนอร์เวย์เพิ่งได้รับแผ่นพับที่มีชข้อแนะนำเกี่ยวกับเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์และวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ด้วยตนเองเป็นเวลา 1 สัปดาห์ สำหรับในกรณีที่เกิดสภาพอากาศเลวร้าย สงคราม และภัยคุกคามอื่น ๆ
ทอเร คัมฟยอร์ด ผู้รับผิดชอบแคมเปญการเตรียมพร้อมตนเองจากสำนักงานป้องกันพลเรือนแห่งนอร์เวย์ (DSB) กล่าว “เราได้ส่งสำเนากระดาษไปแล้ว 2.2 ล้านฉบับ สำหรับแต่ละครัวเรือนในนอร์เวย์”
ในคู่มือระบุรายการสิ่งของที่ประชาชนควรมีเก็บไว้ที่บ้าน ได้แก่ อาหารที่เก็บได้นาน เช่น ถั่วกระป๋อง เอนเนอร์จีบาร์ และพาสตา และยารักษาโรค เช่น เม็ดไอโอดีนในกรณีเกิดอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์
ส่วนฟินแลนด์เพิ่งเผยแพร่คำแนะนำใหม่ทางออนไลน์เกี่ยวกับ “การเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์และวิกฤตการณ์”
ในส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับความขัดแย้งทางทหาร แผ่นพับดิจิทัลของฟินแลนด์อธิบายถึงการตอบสนองของรัฐบาลและประธานาธิบดีในกรณีที่เกิดการโจมตีด้วยอาวุธ โดยเน้นย้ำว่าทางการฟินแลนด์ “เตรียมพร้อมสำหรับการป้องกันตนเองเป็นอย่างดี”
ต่างจากสวีเดนและนอร์เวย์ รัฐบาลเฮลซิงกิตัดสินใจที่จะไม่พิมพ์สำเนาสำหรับทุกบ้านเพราะจะมีค่าใช้จ่ายหลายล้านดอลลาร์ และเวอร์ชันดิจิทัลสามารถอัปเดตได้ง่ายกว่า
คู่มือของฟินลนด์มีคำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำในกรณีที่เกิดสถานการณ์ต่าง ๆ ขึ้น และขอให้ประชาชนตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขาสามารถดูแลตัวเองได้อย่างน้อยในช่วงแรกในกรณีที่เกิดสถานการณ์วิกฤต
ชาวฟินแลนด์ถูกถามว่า พวกเขาจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไรหากไม่มีไฟฟ้าใช้ติดต่อกันหลายวันในฤดูหนาวที่อุณหภูมิติดลบถึง -20 องศาเซลเซียส
คู่มือของพวกเขายังแนะนำให้เตรียมเม็ดยาไอโอดีน อาหารที่ปรุงง่าย อาหารสัตว์ และแหล่งจ่ายไฟสำรอง
เรียบเรียงจาก BBC
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP ต่างประเทศ
- วิดีโอยอดนิยม
