นาย เซอร์เก ราปคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่าสถานการณ์ขณะนี้มีความซับซ้อน โดยการพิจารณาตอบโต้สหรัฐฯจะต้องคำนึงถึงทุกองค์ประกอบ และทุกๆ ด้าน ซึ่งการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เป็นหนึ่งในหัวข้อที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือ
ความเห็นของ ราปคอฟ มีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯอรุญาตให้ยุเครนใช้อาวุธสัญชาติอเมริกันโจมตีลึกเข้าไปภายในดินแดนของรัสเซีย แม้อาจทำให้่สถานการณ์ความขัดแย้งบานปลาย
นอกจากนี้ ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้อนุมัติหลักการนิวเคลียร์ฉบับใหม่ที่ลดเงื่อนไขการใช้อาวุธนิวเคลียร์ลง โดยรัสเซียสามารถพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์ตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธทั่วไปที่ สร้างภัยคุกคามร้ายแรงต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน" ของรัสเซียหรือเบลารุส ซึ่งเป็นชาติพันธมิตร
สำหรับรัสเซียแม้จะเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ แต่ได้สมัครใจระงับการทดสอบอาวุธชนิดนี้ไปตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ก่อนที่สหภาพโซเวียตจะล่มสลาย แตกต่างจากคู่แข่งอย่างสหรัฐฯ ที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เป็นระยะๆ
ขณะเดียวกัน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายอันเดรย์ เบลูซอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย ได้เดินทางเยือนเกาหลีเหนือและเข้าพบ คิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุด ที่กรุงเปียงยาง โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะเพิ่มความร่วมมือทางทหารระหว่างกัน
สำนักข่าว KCNAของรัฐบาลเกาหลีเหนือ ระบุว่า การเยือนของนายเบลูซอฟจะมีส่วนช่วยอย่างยิ่งต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันของทั้งสองประเทศ และส่งเสริมความร่วมมือซึ่งกันและกันฉันมิตรและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพของทั้งสองฝ่าย
ด้านนายเบลูซอฟ ยกย่องเกาหลีเหนือว่า มีนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระไม่ขึ้นกับฝ่ายใดอย่างแท้จริง
โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือน มิ.ย. ผู้นำรัสเซียและเกาหลีเหนือ ได้ลงนามสนธิสัญญาความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์เมื่อเดือนมิถุนายน โดยมีข้อผูกมัดให้ทั้งสองประเทศ ต้องให้ความช่วยเหลือทางทหารโดยไม่รอช้าแก่อีกฝ่าย ในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกโจมตี และร่วมกันต่อต้านการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เกาหลีเหนือถูกสหรัฐฯและเกาหลีใต้กล่าวหาว่า ส่งทหารมากกว่า 11,000 นาย ไปช่วยรัสเซียต่อสู้กับยูเครน เพื่อแลกกับการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้น รวมถึงสร้างประสบการณ์ในสนามรบให้แก่ทหารเกาหลีเหนือ
ขณะที่ คิม จอง-อึน ซึ่งพบกับนายเบลูซอฟเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประณามการตัดสินใจของชาติตะวันตก ที่อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธของพวกเขาโจมตีเข้าสู่ดินแดนของรัสเซียได้ โดยระบุว่า นี่เป็นการเข้าแทรกแซงทางทหารโดยตรง และเป็นสิทธิ์ของรัสเซียที่จะใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อทำให้กองกำลังฝ่ายปรปักษ์ต้องชดใช้