บริษัท อาซาฮีชูโซ (Asahi Shuzo) ผู้ผลิตแบรนด์สาเกญี่ปุ่นชื่อดัง “ดัสไซ” (Dassai) ประกาศวางแผนที่จะส่งส่วนผสมสาเกไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) เพื่อหมักสาเกชนิดพิเศษขึ้นมาเพียง 1 ขวด
หากกรรมวิธีดังกล่าวประสบความสำเร็จ จะได้สาเกขนาด 100 มล. ซึ่งบริษัทจะนำมาวางขายบนโลกในราคา 100 ล้านเยน หรือประมาณ 22 ล้านบาท
อุเอสึกิ โซยะ ผู้รับผิดชอบโครงการหมักสาเกกลางอวกาศของอาซาฮีชูโซ กล่าวว่า “ไม่มีการรับประกันความสำเร็จ 100% สำหรับการทดสอบการหมักนี้”
โดยทั่วไปแล้ว สาเกจะทำมาจากข้าวญี่ปุ่น น้ำ ยีสต์ และโคจิ (เชื้อราชนิดหนึ่ง) ปกติจะใช้เวลาราว 2 เดือนในการผลิตโดยผ่านขั้นตอนที่แม่นยำหลายขั้นตอน ได้แก่ การนึ่ง การคน และการหมัก
เขาบอกว่า ความแตกต่างของแรงโน้มถ่วงบนโลกกับในอวกาศอาจส่งผลต่อการถ่ายเทความร้อนในของเหลว ส่งผลให้กระบวนการหมักในอวกาศแตกต่างจากบนโลก
รอบนี้หนาวนาน! อุตุฯเตือนอากาศหนาว 17 -27 ธ.ค. ภาคใต้ฝนตกหนัก!
วันหยุดปีใหม่ 2568 เพิ่มวันหยุดพิเศษ วางแผนหยุดยาว 5 วันรวด
ข้อแตกต่าง ยาพาราเซตามอล และ ยาไอบูโพรเฟน แก้ปวดเหมือนกันแต่ใช้ต่างกัน!
บริษัทได้จ่ายเงินให้กับหน่วยงานสำรวจอวกาศของญี่ปุ่น (JAXA) เพื่อขอนำส่วนหสมสาเกขึ้นไปอวกาศพร้อมยานคิโบะ (Kibo) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ISS ที่ญี่ปุ่นพัฒนาขึ้น ซึ่งสามารถดำเนินการทดสอบได้ใน “สภาพแวดล้อมที่มีแรงโน้มถ่วงต่ำพิเศษ”
สาเกยี่ห้อดัสไซเป็นหนึ่งในแบรนด์สาเกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาด ชื่อของแบรนด์แปลว่า “เทศกาลนาก” ในภาษาญี่ปุ่น โดยนอกจากสาเกปกติ บริษัทยังมักคิดค้นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่ได้รับความนิยมในหมู่นักสะสม
อุเอสึกิกล่าวว่า บริษัทหวังว่า โครงการนี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกระบวนการหมักในอวกาศ เพื่อว่าสักวันหนึ่ง พวกเขาอาจสามารถผลิตสาเกบนดวงจันทร์ได้
“ในอนาคตที่มนุษย์สามารถเดินทางระหว่างดวงจันทร์กับโลกได้อย่างอิสระ บางคนอาจจะไปเยือนดวงจันทร์ในฐานะนักท่องเที่ยว โครงการนี้มุ่งหวังที่จะสร้างสาเกที่สามารถเพลิดเพลินบนดวงจันทร์ได้ ช่วยให้นักท่องเที่ยวมีช่วงเวลาอันน่ารื่นรมย์ที่นั่น” เขากล่าว
อุเอสึกิยังหวังว่าเทคโนโลยีนี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักท่องเที่ยวอวกาศในอนาคตที่ชื่นชอบอาหารหมักประเภทอื่น ๆ ด้วย “อาหารญี่ปุ่นหลายชนิด เช่น นัตโตะและมิโซะ ต้องผ่านการหมัก และเทคโนโลยีนี้อาจขยายไปสู่พื้นที่เหล่านี้ได้”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สาเกเพิ่งได้รับการบรรจุอยู่ในรายชื่อ “มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ” ของยูเนสโก
เรียบเรียงจาก CNN