จากกรณีที่ พลโทอิกอร์ คิริลลอฟ วัย 54 ปี ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ อาวุธชีวภาพ และอาวุธเคมี (NBC) แห่งกองทัพรัสเซีย ถูกสังหารพร้อมกับผู้ช่วย ด้วยระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่ในสกูตเตอร์ไฟฟ้านอกอะพาร์ตเมนต์บนถนนไรซานสกีในกรุงมอสโก
ล่าสุดมีภาพจากกล้องหน้ารถในบริเวณนั้นเผยให้เห็นวินาทีเหตุระเบิด โดยจะเห็นสกู๊ตเตอร์จอดทิ้งไว้อยู่ทางขวาของประตูอะพาร์ตเมนต์ และหลังจากที่คิริลลอฟกับผู้ช่วยเดินออกมาเพื่อไปที่รถ ระเบิดก็ทำงานและภาพบนจอก็กลายแสงวาบ
สื่อทางการรัสเซียรายงานว่า ระเบิดที่ใช้สังหารคิริลลอฟมีอานุภาพเทียบเท่ากับระเบิดทีเอ็นที 300 กรัม ขณะที่คณะกรรมการสืบสวนของรัสเซียได้เปิดการสืบสวนเหตุโจมตีดังกล่าวแล้ว โดยระบุว่าเป็นการก่อการร้าย
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวในสำนักงานความมั่นคงของยูเครน (SBU) เปิดเผยว่า SBU อยู่เบื้องหลังการสังหารนายคิริลลอฟในปฏิบัติการพิเศษ โดยอ้างว่านายคิริลลอฟเป็นเป้าหมายที่ชอบธรรม เนื่องจากเป็นอาชญากรสงคราม
เตือน “โนโรไวรัส”ระบาดหลังพบปนเปื้อนน้ำในงานกีฬาสีโรงเรียนป่วยรวม 1,436 ราย
“เบี้ยผู้สูงอายุ 2568” เช็กวันโอนเข้าบัญชี และอัตราการจ่ายเบี้ยตามเกณฑ์อายุ
กองทัพ "หมูเด้ง" บุก! ลูกเล่นใหม่สุดน่ารักจาก Google
Momento esatto dell'esplosione di Kirillov e del suo assistente Polikarpov a Mosca.
Le leggendarie dash cam russe colpiscono ancora. https://t.co/MKEVSgBPax pic.twitter.com/eKU1v6fSO4— L’Atlantista (@Latlantista) December 17, 2024
โดยเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมา SBU เพิ่งจะตั้งข้อหาคิริลลอฟฐานใช้อาวุธเคมีต้องห้ามในยูเครน ซึ่งรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลยูเครนยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายพลรัสเซียรายนี้ ขณะที่ ดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงของรัสเซียระบุว่า ยูเครนจะได้พบกับการแก้แค้นเร็ว ๆ นี้
คิริลลอฟถือเป็นเจ้าหน้าที่ทหารอาวุโสที่สุดที่ถูกสังหารนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ ขณะเดียวกัน แม้ว่าจะเคยเกิดเหตุลอบสังหารเจ้าหน้าที่อาวุโสมาก่อนหน้านี้หลายครั้งในรัสเซีย แต่เหตุโจมตีในกรุงมอสโกนั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า แม้จะสงครามยูเครนจะผ่านมาเกือบ 3 ปีแล้ว แต่ชาวมอสโกหลายคนก็ยังมองว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไกลตัว และเป็นสิ่งที่พวกเขาเห็นจากสื่อเท่านั้น การลอบสังหารนายพลรัสเซียในมอสโกเป็นสัญญาณว่าสงครามครั้งนี้เป็นเรื่องจริงและใกล้ตัวมากกว่าที่คิด
ความจริงที่ว่าหน่วยความมั่นคงของยูเครนสามารถโจมตีผู้บัญชาการรัสเซียนอกที่พักในกรุงมอสโกได้อย่างแม่นยำนั้น ทำให้เกิดคำถามถึงการรักษาความปลอดภัยของรัสเซีย และความสามารถในการโจมตีของยูเครนว่าทำได้ถึงขนาดไหน
การเลือกใช้สกูตเตอร์สำหรับการโจมตีถือเป็นการตัดสินใจที่ฉลาด เพราะในมอสโก สกูตเตอร์มักถูกจอดทิ้งไว้ตามถนนเป็นปกติและไม่ดึงดูดความสนใจมากนัก
แต่ที่สำคัญคือระเบิดถูกจุดชนวนในจังหวะที่พอดีมาก ๆ นั่นคือขณะที่พลเอกคิริลลอฟกำลังออกจากอะพาร์ตเมนต์ซึ่งผู้ลงมือจะต้องเฝ้าดูที่เกิดเหตุได้ ไม่ว่าจะผ่านกล้องหรือด้วยตนเองก็ตาม
ขณะเดียวกัน บทวิเคราะห์ของซีเอ็นเอ็นระบุว่า เหตุสังหารนายคิริลลอฟสะท้อนถึงความเร่งรีบของยูเครนในการพยายามพลิกสถานการณ์ทุกวิถีทาง ขณะที่การหวนคืนสู่ทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ ใกล้เข้ามาทุกที และรัสเซียยังคงรุกคืบอย่างต่อเนื่องในแนวรบด้านตะวันออก