ทำไม “ไฟป่าลอสแอนเจลิส” ลุกลามรุนแรง-ควบคุมไม่ได้?

โดย PPTV Online

เผยแพร่

ผู้เชี่ยวชาญเปิดเหตุผลที่ทำให้ “ไฟป่าลอสแอนเจลิส” มีความรุนแรงและยากต่อการควบคุม

ไฟป่าที่กำลังเผาผลาญลอสแอนเจลิสอยู่ในขณะนี้ ถือเป็นอัคคีภัยที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมือง โดยความน่ากลัวของไฟป่าครั้งนี้คือความรวดเร็วในการลุกลาม

มีรายงานว่า ไฟจุดแรกเกิดขึ้นช่วงเช้าวันที่ 7 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่น โดยตอนแรกลุกลามกินพื้นที่ประมาณ 10 เอเคอร์ (ราว 25 ไร่) แต่เพียง 25 นาทีต่อมา ไฟได้ลุกลามไปจนครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 200 เอเคอร์ (ราว 500 ไร่) และ ณ วันที่ 10 ม.ค. มีรายงานว่าไฟเผาผลาญพื้นที่ไปเกือบ 78,000 ไร่แล้ว

คอนเทนต์แนะนำ
รู้จัก “ลมซานตาอานา” ลมปีศาจที่ทำให้ไฟป่าลอสแอนเจลิสลุกลามรุนแรง
ลม “ซานตาอานา” ระลอกใหม่ ไฟป่าลอสแอนเจลิสอาจลามหนักอีกรอบ

ทำไม “ไฟป่าลอสเจลิส” ลุกลามรุนแรง-ควบคุมไม่ได้? AFP/JOSH EDELSON
ไฟป่าลอสแอนเจลิส

คำถามที่เกิดขึ้นคือ เหตุใดไฟป่าลอสแอนเจลิสจึงลุกลามรุนแรงและรวดเร็วขนาดนี้?

การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศแบบ Hydroclimate Whiplash

เชื่อกันว่าช่วงที่มีฝนตกหนักในปลายปี 2024 ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้เกิดสภาพอากาศที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดไฟไหม้ในฤดูหนาวปีนี้

รอรี แฮดเดน นักวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ด้านไฟป่าจากมหาวิทยาลัยเอดินบะระ กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้ว ฝนมักถูกมองว่าช่วยดับไฟไหม้ได้ แต่ฝนที่ตกก่อนเกิดไฟไหม้อาจทำให้พืชพรรณเติบโตได้มาก ซึ่งจะกลายเป็นเชื้อเพลิงที่มีศักยภาพ

แอดเดนเสริมว่า “จากนั้นเมื่อหมดฝน จะเข้าสู่ช่วงที่สภาพอากาศแห้งแล้งขึ้น และพืชพรรณเหล่านั้นจะแห้งเร็วมาก และมีมากขึ้น ดังนั้น มันเหมือนมีการสะสมเชื้อเพลิงจำนวนมาก”

ด้าน มาเรีย ลูเซีย เฟอร์เรรา บาร์โบซา นักวิทยาศาสตร์ด้านไฟป่าจากศูนย์นิเวศวิทยาและอุทกวิทยาแห่งสหราชอาณาจักร กล่าวว่า ช่วงที่มีฝนตกในปี 2024 ตามด้วยช่วงที่สภาพอากาศแห้งแล้งขึ้นนั้น “เป็นสภาพอากาศที่สมบูรณ์แบบสำหรับการแพร่กระจายของไฟป่า”

การเปลี่ยนแปลงจากสภาพอากาศเปียกชื้นมากเป็นสภาพอากาศแห้งแล้งมากนี้เรียกว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศแปรปรวนแบบไฮโดรไคลเมต” (Hydroclimate Whiplash)

ลม “ซานตา อานา”

หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ไฟป่าลอสแอนเจลิสรุนแรงคือ “ลม”

แฮดเดนบอกว่า “สำหรับการเกิดไฟป่าทุกครั้ง คุณต้องมี 3 สิ่ง เชื้อเพลิง สิ่งที่จะเผาไหม้ได้ และออกซิเจนจากอากาศ แต่สิ่งที่ทำให้ไฟป่าครั้งนี้นี้เหลือเชื่อมากคือความเร็วของลมที่พัดมาจากใจกลางทะเลทรายแคลิฟอร์เนีย”

ลมเหล่านี้เรียกว่า “ลมซานตาอานา” (Santa Ana) ซึ่งแฮดเดนบอกว่าเป็น “ลมที่แห้งมาก พัดเร็วมาก ดังนั้นทันทีที่เกิดไฟ มันจะลุกลามอย่างรวดเร็ว เราพบรายงานลมแรงกว่า 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ไฟลามไปทั่วบริเวณ”

เชื้อไฟลอยไปกับลม

ลมแรงนี้นอกจากจะพัดโหมให้ไฟรุนแรงขึ้นแล้ว ยังพัดพา “เถ้าถ่านติดไฟ” หรือ “เชื้อไฟ” ไปด้วย

แฮดเดนบอกว่า “แม้จะมีสิ่งกีดขวางเปลวไฟ เช่น ถนนหรืออาคาร แต่ไม่มีอะไรหยุดยั้งเชื้อไฟเหล่านี้ได้ พวกมันจึงสามารถเดินทางต่อไปได้”

ลมสามารถพัดพาถ่านติดไฟจากพืชที่กำลังถูกเผาไหม้และพาถ่านติดไฟไปยังพื้นที่ใกล้เคียงได้ ถ่านติดไฟอาจลามออกไปเพียงไม่กี่เมตร หรืออาจปลิวไปหลายกิโลเมตร ทำให้เกิดไฟไหม้จุดใหม่ที่อยู่ไกลออกไป

“มีรายงานว่าถ่านติดไฟเหล่านี้เดินทางไปไกลหลายสิบกิโลเมตร และจะตกลงในซอกหลืบรอบบ้าน อาจเป็นพืชประดับ และมันจะเริ่มเผาบ้าน” แฮดเดนกล่าว

เขาเสริมว่า หากถ่านติดไฟทำให้เกิดไฟเผาบ้านแค่หลังใดหลังหนึ่ง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงอาจสามารถดับไฟได้ “แต่ปัญหาคือ บ้านหลายสิบหลังมักจะถูกไฟไหม้พร้อมกันจากเปลวไฟเหล่านี้ และแต่ละหลังก็เกิดเปลวไฟเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก ดังนั้น เปลวไฟเหล่านี้จึงถูกพัดพาไปตามลมและก่อให้เกิดผลกระทบแบบโดมิโน”

ภูมิประเทศเป็นเนินเขา

มีรายงานว่า ภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาของพื้นที่ลอสแอนเจลิสยังเพิ่มความเสี่ยงจากไฟป่าอีกด้วย

แฮดเดนกล่าวว่า “ไฟจะลุกลามอย่างรวดเร็วมากขึ้นไปบนเนินเขา ลักษณะทางภูมิศาสตร์ เช่น หุบเขา หุบเหว สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดพฤติกรรมของไฟมีความรุนแรงมาก”

ภูมิประเทศนี้ไม่เพียงเพิ่มความเสี่ยงของการลุกลามของไฟเท่านั้น แต่ยังทำให้การอพยพยากขึ้นอีกด้วย ในย่านพาลิเซดส์ ถนนบนเนินเขาที่แคบสร้างความท้าทายเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่พยายามอพยพ

บุคลากรไม่เพียงพอ

มณฑลลอสแอนเจลิสเคาน์ตีมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงทั้งหมด 9,000 นาย ซึ่งเป็นการนับรวมแล้วทั้งแผนกดับเพลิงของมณฑลและหน่วยงานดับเพลิงอื่น ๆ ที่ดึงมาช่วยเหลือ แต่ยังไม่เพียงพอต่อการจัดการกับไฟทั้งหมด

แอนโธนี มาร์โรน หัวหน้าแผนกดับเพลิงของมณฑลลอสแอนเจลิสเคาน์ตี (LAFD) กล่าวเมื่อวันที่ 8 ม.ค. ว่า “แผนกดับเพลิงทั้งหมด 29 แห่งทั่วมณฑลกำลังลดกำลังลง โดยไม่มีรถดับเพลิงหรือเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมเหลือพอปฏิบัติการ”

LAFD ยังได้ออกประกาศขอให้เจ้าหน้าที่นอกเวลางานทั้งหมดมาช่วยเหลือในการดับเพลิง ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 19 ปีที่แผนกดับเพลิงต้องหันมาใช้มาตรการนี้

พื้นที่อื่น ๆ กำลังส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ โดยเจ้าหน้าที่จากแผนกดับเพลิงของ อลาเมดา โอ๊คแลนด์ เฮย์เวิร์ด และเฟรอมอนต์ ถูกส่งไปช่วยเหลือแล้ว นอกจากนี้ ทีมจากรัฐแอริโซนา เนวาดา วอชิงตัน และโอเรกอน ยังส่งทีมไปช่วยเหลืออีกด้วย

หัวดับเพลิงแห้ง

เมื่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเปิดวาล์วหัวดับเพลิงในพื้นที่บางส่วนของย่านแปซิฟิกพาลิเซดส์เพื่อดับไฟในคืนวันที่ 7 ม.ค. พวกเขาพบว่าแรงดันน้ำต่ำ หรือในบางกรณี หัวดับเพลิงแห้ง กรมน้ำและไฟฟ้าของลอสแองเจลิส (LADWP) กำลังสูบน้ำจากท่อส่งน้ำและน้ำใต้ดิน แต่ความต้องการมีมากกว่าปริมาณน้ำในถังขนาด 1 ล้านแกลลอน ทำให้แรงดันน้ำต่ำ

นายกเทศมนตรีลอสแอนเจลิส คาเรน บาสส์ ประเมินว่า หัวดับเพลิง 20% ในแปซิฟิกพาลิเซดส์แห้ง และบอกว่า หัวดับเพลิงได้รับการออกแบบมาเพื่อดับไฟครั้งละหนึ่งหรือสองแห่ง ไม่ใช่สำหรับอาคารและบ้านเรือนหลายร้อยหลังที่กำลังถูกไฟไหม้

จานิสส์ กีโนเนส หัวหน้า LADWP กล่าวในการแถลงข่าวภายหลังว่า มีน้ำให้ใช้ถึง 3 ล้านแกลลอนเมื่อเกิดไฟไหม้ที่พาลิเซดส์ แต่ความต้องการนั้นสูงกว่าที่เคยเกิดขึ้นถึง 4 เท่า

ทำไม “ไฟป่าลอสเจลิส” ลุกลามรุนแรง-ควบคุมไม่ได้? พีพีทีวี
ทำไมไฟป่าลอสเจลิสลุกลามรุนแรง-ควบคุมไม่ได้?

เรียบเรียงจาก BBC / The Guardian

Bottom-BDMS Bottom-BDMS

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ