ทั่วโลกร่วมยินดีหลังอิสราเอล-ฮามาสบรรลุข้อตกลงหยุดยิงและปล่อยตัวประกัน ซึ่งจะเปิดทางยุติสงครามในฉนวนกาซาที่ดำเนินมากว่า 15 เดือน
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ เปิดแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว แสดงความพอใจเป็นอย่างมากที่วันนี้มาถึง และบอกว่า แนวทางของข้อตกลงนี้ ยึดตามโครงร่างจากแผนที่เขาเสนอครั้งแรก เมื่อเดือน พ.ค.ปีที่แล้ว และการผลักดันข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาส คือหนึ่งในงานยากที่สุดในบรรดานโยบายต่างประเทศที่เขาเคยมีส่วนร่วมผลักดันตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
"ผมขอประกาศว่าข้อตกลงหยุดยิง และปล่อยตัวประกัน ระหว่างอิสราเอลและฮามาส"
"มากกว่า 15 เดือนแห่งความทุกข์ทรมานของผู้บริสุทธิ์ในกาซา การต่อสู้ในกาซาจะต้องยุติ และเร็วๆนี้ ตัวประกันจะได้กลับบ้านไปหาครอบครัว"
"เรามีวันที่ยากลำบากนับตั้งแต่ฮามาสเริ่มสงครามที่เลวร้ายนี้ เราเผชิญกับอุปสรรคและความชะงักงัน แต่เราไม่ยอมแพ้ และตอนนี้ หลังจากฟันฝ่ามาถึง 400 วัน วันแห่งความสำเร็จมาถึงแล้ว ขอพระเจ้าคุ้มครองตัวประกันทุกคนและครอบครัว ขอพระเจ้าคุ้มครองเหล่าทหาร และทุกคนที่ทำงานเพื่อสันติสุข"
หลังจบการแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อตกลงนี้เป็นผลงานของใคร ตัวท่านเอง หรือทรัมป์ ซึ่งไบเดนหันมายิ้ม และตอบสั้นๆ เพียงว่า "นี่เล่นมุกใช่มั้ย ขอบคุณ"
ทั้งนี้สำหรับข้อตกลงนี้แบ่งออกเป็น 3 เฟส โดยในเฟสแรก อิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะหยุดยิงเป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ หรือ 42 วัน โดยอิสราเอลจะถอนทหารออกจากฉนวนกาซา และฮามาสจะปล่อยตัวประกันที่จับไปเพื่อแลกกับชาวปาเลสไตน์หลายร้อยคนที่อิสราเอลควบคุมตัวไว้ เฟสนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 19 ม.ค.นี้ หรือ 1 วันก่อนที่ไบเดนจะลงจากตำแหน่ง
โดย ไบเดน อธิบายว่า ในช่วงเฟสที่ 1 ของการหยุดยิง ชาวปาเลสไตน์จะสามารถกลับไปสู่บ้านเรือนของตนเอง และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในกาซาจะเพิ่มมากขึ้น
โดยในระหว่างเฟสที่ 1 จะมีการเจรจารายละเอียดข้อหยุดยิงเฟสที่ 2 ไปด้วย ซึ่งอาจนำไปสู่การยุติสงครามอย่างถาวร แต่หากการเจรจาใช้เวลานานกว่า 6 สัปดาห์ การหยุดยิงเฟสที่ 2 จะขยายออกไป ส่วนการหยุดยิงเฟสที่ 3 ตัวประกันกลุ่มสุดท้ายที่เหลืออยู่จะได้กลับไปหาครอบครัว และแผนการฟื้นฟูฉนวนกาซาจะเริ่มต้นขึ้น
ขณะที่ นายกรัฐมนตรี ชีค โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลเราะห์มาน อัล ทานี ของกาตาร์ แถลงยืนยันเรื่องข้อตกลงเช่นกัน พร้อมระบุว่า กาตาร์จะร่วมมือกับอียิปต์ และสหรัฐฯ เพื่อรับประกันว่าทุกฝ่ายจะทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ พร้อมแสดงความหวังว่าข้อตกลงนี้จะเป็นการปิดฉากสงครามในฉนวนกาซา อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวจะยังไม่มีผลบังคับใช้จนกว่าจะได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงของ นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู และคณะรัฐมนตรีอิสราเอลทั้งคณะ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะรับรองข้อตกลงดังกล่าว
ขณะที่สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ออกแถลงการณ์ว่า เนทันยาฮูโทรศัพท์ไปขอบคุณว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ช่วยให้ความพยายามช่วยเหลือตัวประกันคืบหน้า โดยทั้ง 2 ผู้นำจะพบกันเร็วๆนี้ ที่กรุงวอชิงตันดีซี นอกจากนี้ แถลงการณ์ยังระบุว่า เนทันยาฮู ได้โทรศัพท์ไปขอบคุณไบเดนด้วยเช่นกัน
ส่วนบรรดาผู้นำชาติยุโรป ออสเตรเลีย รวมถึง นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ต่างออกมาร่วมแสดงความยินดีกับดีลสำคัญในครั้งนี้
ขณะที่ฝั่ง ทรัมป์ ได้โพสต์ในแพลตฟอร์ม Truth Social พยายามเน้นย้ำถึงบทบาทของตนเอง ในการปิดดีลนี้ โดยระบุว่า ข้อตกลงนี้คงไม่สำเร็จ หากเขาไม่ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือน พ.ย.
โดย ทรัมป์ บอกว่า ชัยชนะของเขาส่งสัญญาณไปทั่วโลกว่ารัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ จะพยายามแสวงหาสันติภาพและเจรจาบรรลุข้อตกลงเพื่อให้พลเมืองอเมริกัน และพันธมิตรปลอดภัย โดยในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทรัมป์ออกมาขู่หลายครั้งว่า ฮามาสและตะวันออกกลางจะเจอความวุ่นวาย หากตัวประกันยังไม่เป็นอิสระก่อนที่เขาจะเข้ารับตำแหน่ง
แม้จะมีความขัดแย้งและแข่งขันกัน แต่ทีมงานของไบเดนและทรัมป์ ต่างก็ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ก่อนที่จะมีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยผู้แทนพิเศษทั้งของไบเดน และทรัมป์ เข้าร่วมการเจรจาในช่วงโค้งสุดท้าย ที่กรุงโดฮา ของกาตาร์ด้วย
แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า การมีส่วนร่วมของทีมงานทรัมป์ มีความสำคัญในการบรรลุข้อตกลงนี้ เพราะพวกเขาจะต้องเข้ามารับช่วงต่อจากรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่กำลังจะหมดวาระในอีก 5 วัน
ขณะที่บรรยากาศในฉนวนกาซาหลังมีการประกาศยืนยันข้อตกลงหยุดยิง ปรากฏว่ามีประชาชนหลายพันคนออกมารวมตัวกันตามท้องถนน เพื่อแสดงความยินดี
ส่วนที่กรุงเทลอาวีฟ ของอิสราเอล บรรดาครอบครัวของตัวประกัน ต่างออกมาร่วมทำกิจกรรม แสดงความยินดี ที่ตัวประกันจะได้กลับบ้าน
สำหรับสงครามในฉนวนกาซาเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ปี 2023 หลังจากกลุ่มฮามาสส่งนักรบข้ามชายแดนกาซาเข้าสู่อิสราเอล โจมตีเข่นฆ่าผู้คน และจับตัวประกันกลับไปด้วย 251 คน แต่ตอนนี้เชื่อว่ามีตัวประกันอยู่ในมือกลุ่มฮามาสอีก 94 คน ขณะที่ปฏิบัติการโจมตีล้างแค้นของอิสราเอลที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 46,707 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน