ในการกล่าวสุนทรพจน์หลังเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการของ “โดนัลด์ ทรัมป์” เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยเน้นย้ำถึงความเป็นนักบุกเบิกและริเริ่มของชาวอเมริกัน
เขาบอกว่า “ชาวอเมริกันเดินทางหลายพันไมล์ผ่านดินแดนรกร้างที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา พวกเขาข้ามทะเลทราย ปีนภูเขา เผชิญกับอันตรายที่ไม่เคยบอกเล่า ชนะดินแดนตะวันตกสุดแดนเถื่อน ยุติการค้าทาส ช่วยเหลือผู้คนนับล้านจากการกดขี่ ช่วยเหลือผู้คนนับล้านจากความยากจน”
ทรัมป์เสริมอีกว่า “ชาวอเมริกันควบคุมไฟฟ้า แยกอะตอม ส่งมนุษยชาติขึ้นสู่สวรรค์ และส่งมอบจักรวาลแห่งความรู้ของมนุษย์ไว้ในมือมนุษย์ หากเราทำงานร่วมกัน ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ และไม่มีความฝันใดที่เราจะบรรลุไม่ได้”
คนทั่ว ๆ ไปฟังเผิน ๆ คงไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ แต่ไม่ใช่สำหรับชาวนิวซีแลนด์ ซึ่งพากันออกมาโพสต์บนโซเชียลมีเดียด้วยความไม่พอใจ เพราะความสำเร็จในการ “แยกอะตอม” ได้เป็นคนแรกนั้น เป็นผลงานของนักวิทยาศาสตร์ชาวนิวซีแลนด์ต่างหาก
ใครที่เรียนสายวิทย์มาอาจพอคุ้นเคยกับนักวิทยาศาสตร์รายนี้ นั่นคือ “เออร์เนสต์ รัทเทอร์ฟอร์ด” ผู้ได้รับรางวัลโนเบลและถูกยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งฟิสิกส์นิวเคลียร์
รัทเทอร์ฟอร์ดถือเป็นคนแรก ๆ ที่สามารถแยกอะตอมโดยเหนี่ยวนำให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์เทียมในปี 1917 ขณะที่เขาทำงานที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในแมนเชสเตอร์ในสหราชอาณาจักร
ความสำเร็จดังกล่าวยังมอบให้กับ จอห์น ดักลาส ค็อกรอฟต์ นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ และเออร์เนสต์ วอลตัน ชาวไอร์แลนด์ ซึ่งในปี 1932 ประสบความสำเร็จแบบเดียวกันที่ห้องทดลองในอังกฤษที่รัทเทอร์ฟอร์ดพัฒนาขึ้น
ความสำเร็จนี้ไม่ได้มอบให้กับชาวอเมริกันแต่อย่างใด
นิค สมิธ นายกเทศมนตรีเมืองเนลสัน ซึ่งเป็นเมืองที่รัทเทอร์ฟอร์ดเกิดและได้รับการศึกษา กล่าวว่าเขา “ค่อนข้างประหลาดใจ” กับคำกล่าวอ้างดังกล่าว
“การวิจัยอันล้ำสมัยของรัทเทอร์ฟอร์ดเกี่ยวกับการสื่อสารทางวิทยุ กัมมันตภาพรังสี โครงสร้างของอะตอม และเทคโนโลยีอัลตราซาวนด์นั้นดำเนินการที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์และแมนเชสเตอร์ในสหราชอาณาจักร และมหาวิทยาลัยแม็กกิลล์ในมอนทรีออล แคนาดา” สมิธบอก
สมิธกล่าวว่า เขาจะเชิญเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ คนต่อไปประจำนิวซีแลนด์ไปเยี่ยมชมอนุสรณ์สถานบ้านเกิดของรัทเทอร์ฟอร์ด “เพื่อที่เราจะได้พิสูจน์ประวัติศาสตร์ว่าใครแยกอะตอมได้ก่อนอย่างถูกต้อง”
รัทเทอร์ฟอร์ดถือเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ชาวนิวซีแลนด์ยกย่อง ผลงานของเขายังคงอยู่ในหนังสือแบบเรียนของเด็กนักเรียนในนิวซีแลนด์ ชื่อของเขามักปรากฏอยู่บนอาคาร ถนน และสถาบันต่าง ๆ ในนิวซีแลนด์ นอกจากนี้ ยังมีภาพของเขาปรากฏอยู่บนธนบัตรมูลค่า 100 ดอลลาร์นิวซีแลนด์อีกด้วย
เรียบเรียงจาก Associated Press