“โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ เมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลข 1 เดินทางเยือนพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากความรุนแรงของพายุเฮอร์ริเคนเฮลีนที่พัดถล่มรัฐนอร์ธแคโรไลนา ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเป็นที่แรก เมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น
ประธานาธิบดีทรัมป์วิจารณ์การทำงานของสำนักจัดการภาวะฉุกเฉินกลาง หรือ FEMA โดยระบุว่า FEMA กลายเป็นหายนะ พร้อมเสริมว่า จะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อเริ่มต้นกระบวนการยกเครื่องหรือยุบหน่วยงานฉุกเฉินดังกล่าว
ซึ่ง ทรัมป์ ให้เหตุผลว่า FEMA ขาดความพยายามในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
โดย FEMA ได้รับงบประมาณ 29,000 ล้านดอลลาร์ หรือ กว่า 973,000 ล้านบาทจากสภาคองเกรส ในเดือนธันวาคมปี 2024 สำหรับภารกิจการบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากพายุเฮอร์ริเคนเฮลีนที่พัดถล่มในหลายรัฐ รวมถึงรัฐนอร์ทแคโรไลนา เมื่อเดือนกันยายน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 219 คนและสูญหายไม่ทราบชะตากรรม 26 คน
จากนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ เดินทางต่อไปยังรัฐแคลิฟอร์เนีย ทางตะวันตกของประเทศ เพื่อติดตามสถานการณ์และเยือนพื้นที่ประสบยภัยไฟป่าครั้งรุนแรงที่ยังไม่สงบ โดยมี เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ให้การต้อนรับ
"ทรัมป์" วิพากษ์วิจารณ์ นิวซัม จากพรรคเดโมแครต หลายครั้งก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการตอบสนองต่อเหตุเพลิงไหม้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย และแอบอ้างอย่างผิด ๆ ว่า ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียรายนี้ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ปลาที่ใกล้สูญพันธุ์มากกว่าความปลอดภัยของสาธารณชน ด้วยการจำกัดการใช้น้ำสำหรับดับไฟ
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นขณะที่สถานการณ์ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียยังวิกฤต ไฟป่าลูกใหม่ปะทุขึ้นหลายจุด ก่อน “ทรัมป์” มาเยือน ขณะที่ไฟป่าจุดใหญ่ ๆ อย่าง พาลิเซดส์และอีตัน ส่วนใหญ่ควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว
ส่วนไฟป่าฮิวจ์ที่เพิ่งปะทุขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้ราว 56 เปอร์เซ็นต์ ท่ามกลางคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกลงมาช่วยบรรเทาสถานการณ์ในช่วงเช้าของวันที่ 25 มกราคม ตามเวลาท้องถิ่น