กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยภาพของทหารในสังกัดโบกธงชาติเหนือซากอาคารแห่งหนึ่งที่ระบุว่าเป็นเมืองเวลิคายา โนโวเซลกา (Velikaya Novoselka) ในสาธารณรัฐโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน
สื่อรัฐบาลรัสเซียระบุว่า เมืองแห่งนี้เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายยูเครนในภูมิภาคดอนบาสตอนใต้ โดยเป็นส่วนประกอบสำคัญในแนวป้องกันที่ยูเครนวางกำลังไว้อย่างแน่นหนาและใช้เป็นศูนย์กลางบำรุง รวมทั้งการลำเลียงพล
อย่างไรก็ตาม กองทัพยูเครนยังปฏิเสธที่จะยืนยันว่า เมืองเวลิคายา โนโวเซลกา ได้ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของกองทัพรัสเซีย
ส่วนความคืบหน้าการผลักดันกระบวนการเจรจาสันติภาพ ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวระหว่างการพบกับประธานาธิบดีมอลโดวา ไมอา ซานดู ซึ่งเดินทางเยือนกรุงเคียฟเมื่อวันที่ 25 ม.ค. ว่า การยุติสงครามจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่นำยูเครนเข้าร่วมในการเจรจาใด ๆ
นอกจากนี้ ผู้นำยูเครนยังเรียกร้องชาติพันธมิตรในยุโรปควรได้รับการรวมอยู่ในข้อตกลงสันติภาพในอนาคตด้วย โดยร่วมกระบวนการเจรจากับสหรัฐฯ ยูเครนและรัสเซีย ทั้งนี้ การที่ผู้นำยูเครนอยากให้ยุโรปเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะยูเครนมีความตั้งใจสมัครเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มสหภาพยุโรป ซึ่งได้ยื่นคำร้องไปพร้อมกับมอลโดวาในปี 2022 ในช่วงไม่กี่วันหลังจากที่รัสเซียส่งกองทัพบุกยูเครน
ขณะที่ เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ยอมรับว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ควรพบและพูดคุยกันเกี่ยวกับสงครามในยูเครนและเรื่องราคาพลังงาน แต่จะยังไม่มีการคุยเรื่องสันติภาพอย่างจริงจังกับยูเครน จนกว่าชาติตะวันตกจะผลักดันให้ประธานาธิบดีเซเลนสกียกเลิกประกาศเมื่อปี 2022 ที่ห้ามยูเครนเจรจากับรัสเซีย
สำหรับวาระสงครามและราคาพลังงานกลายเป็นประเด็นขึ้นมาหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์เตือนว่า จะกดดันรัสเซียด้วยมาตรการทางภาษีและลงโทษรัสเซียหากไม่ยุติสงครามในยูเครน
ประธานาธิบดีปูตินยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า การจะพบปะและพูดคุยจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับทางรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร
โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ชัดเจนว่ารัสเซียต้องการให้มีการประชุมสุดยอดผู้นำ ระหว่างประธานาธิบดีปูตินและประธานาธิบดีทรัมป์ หลังจากไม่มีการพบปะกับผู้นำระดับสูงจากชาติตะวันตกมาเป็นเวลา 3 ปี นับตั้งแต่การส่งกำลังทหารรุกรานยูเครน