เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะยุติแผนของรัฐบาล โจ ไบเดน ที่กำหนดให้มีการเลิกใช้หลอดพลาสติกในหน่วยงานของรัฐบาลกลาง โดยกล่าวว่าแผนดังกล่าวไม่ได้ผล และประกาศว่าจะ “กลับไปใช้พลาสติก” อีกครั้ง
ทรัมป์โพสต์ข้อความว่า “ผมจะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารในสัปดาห์หน้า เพื่อยุติความพยายามที่ไร้สาระของไบเดนในการเลิกใช้หลอดกระดาษ”
เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลไบเดนสั่งให้เลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งในงานด้านบริการอาหาร งานกิจกรรม และบรรจุภัณฑ์ของรัฐบาลกลางภายในปี 2027 และจากการดำเนินงานของรัฐบาลกลางอื่น ๆ ทั้งหมดภายในปี 2035
ยังไม่ชัดเจนว่า ทรัมป์วางแผนที่จะยุติความพยายามที่กว้างขึ้นนั้นหรือไม่ หรือว่าเขามุ่งเน้นแค่การนำหลอดพลาสติกกลับมาใช้เท่านั้น
รัฐบาลสหรัฐฯ ถือเป็นผู้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ที่สุดในโลก และแผนการเลิกใช้พลาสติกของสหรัฐฯ ถือเป็นก้าวสำคัญในความพยายามระดับโลกเพื่อแก้ไขวิกฤตมลพิษจากพลาสติก
ฝ่ายบริหารของไบเดนกล่าวว่า แผนเลิกใช้หลอดพลาสติกซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ครอบคลุมฉบับแรกในการแก้ไขปัญหาการใช้พลาสติกทั่วประเทศ มีเป้าหมายเพื่อลดความต้องการสินค้าพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง ขณะเดียวกันก็ช่วยสร้างตลาดสำหรับสินค้าทดแทนที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ทำปุ๋ยหมักได้ หรือรีไซเคิลได้ง่ายขึ้น
การบริโภคพลาสติกเพิ่มขึ้น 4 เท่าในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาเป็นมากกว่า 400 ล้านตันต่อปี ตามการประมาณการขององค์กรเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
ผู้เชี่ยวชาญประมาณการว่าทั่วโลกมีขยะพลาสติกไหลลงสู่มหาสมุทรเทียบเท่ากับรถบรรทุกขยะ 1 คันต่อนาที และการรีไซเคิลก็ไม่สามารถตามได้ทัน โดยมีเพียงประมาณ 9% ของขยะพลาสติกที่เกิดขึ้นทั่วโลกเท่านั้นที่ได้รับการรีไซเคิล
ทั้งนี้ หากทรัมป์ลงนามคำสั่งให้หันกลับมาใช้พลาสติกในรัฐบาลกลางอีกครั้งจริง จะเป็นการช่วยอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลด้วยการกระตุ้นความต้องการพลาสติก ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมน้ำมันและก๊าซของเขา
เรียบเรียงจาก New York Times