วันที่ 19 ก.พ. สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า ทหารเกาหลีเหนือ 1 ใน 2 นายที่ถูกยูเครนจับกุมเป็นเชลยศึก ได้แสดงความปรารถนาที่จะเดินทางไปเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นกรณีแรกที่ทหารเกาหลีเหนือที่ถูกจับตัวไปแสดงเจตนาจะแปรพักตร์ไปเกาหลีใต้
ทหารเกาหลีเหนือนายนี้ ซึ่งทราบเพียงนามสกุลว่า “รี” กล่าวในการสัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Chosun Ilbo ว่า เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะต้องเข้าร่วมการสู้รบกับยูเครน เนื่องจากได้รับแจ้งว่าจะถูกส่งไปยังรัสเซียเพื่อฝึกฝนในฐานะนักเรียนต่างชาติ
เมื่อถูกถามถึงแผนในอนาคต รีกล่าวว่า “ผมตัดสินใจไปแล้ว 80% ... เหนือสิ่งอื่นใด ผมจะไปหลบภัย และกำลังคิดว่าจะไปที่สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) หากผมขอสถานะผู้ลี้ภัย พวกเขาจะรับผมหรือเปล่าครับ”
เมื่อเดือนที่แล้ว รีเป็นทหารเกาหลีเหนือที่ได้รับบาดเจ็บ 1 ใน 2 นายที่ถูกกองกำลังยูเครนจับกุมระหว่างการสู้รบกับยูเครนในภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซีย
รี ซึ่งเกิดเมื่อปี 1999 และเคยทำหน้าที่เป็นมือปืนสอดแนมในเกาหลีเหนือ กล่าวว่าเขาสังกัดกองบัญชาการข่าวกรองแห่งชาติ (Reconnaissance General Bureau) ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองของเกาหลีเหนือ
“เจ้าหน้าที่จากกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของเกาหลีเหนือกล่าวว่า นักบินโดรนของกองทัพยูเครนล้วนเป็นทหารเกาหลีใต้” รีกล่าว พร้อมเสริมว่า เขาเข้าร่วมการสู้รบกับยูเครนในขณะที่เชื่อว่าตนกำลังต่อสู้กับกองทหารเกาหลีใต้
รี ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ขากรรไกรและแขน กล่าวว่า สหายร่วมรบของเขาเกือบทั้งหมดจากหน่วยเดียวกันเสียชีวิตจากการโจมตีด้วยโดรนและปืนใหญ่ของยูเครน นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกว่า เขาอาจพยายามฆ่าตัวตายไปแล้วหากมีระเบิดอยู่กับตัว เพราะการถูกจับเป็นเชลยศึกในเกาหลีเหนือถือเป็นการทรยศ
ทั้งนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า กระบวนการนำเชลยศึกชาวเกาหลีเหนือกลับเกาหลีใต้จะราบรื่นหรือไม่ เนื่องจากอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยเชลยศึกระบุว่า เชลยศึกจะต้องได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศต้นทางทันทีโดยหลังจากการสู้รบยุติ
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนโต้แย้งว่า กรณีของเกาหลีเหนืออาจเป็นข้อยกเว้นของหน้าที่ในการส่งกลับตามอนุสัญญา เนื่องจากรีอาจเผชิญกับความเสี่ยงของการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงหากเขาถูกส่งตัวกลับเกาหลีเหนือ
เรียบเรียงจาก Yonhap