ประเด็นที่ทั่วโลกจับตามองเมื่อวันที่ 28 ก.พ. คือ การหารือกันระหว่างประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะมีการลงนามข้อตกลงแร่หายากกัน
แต่ที่สุดแล้วการพบกันดังกล่าวกลับสิ้นสุดลงด้วยความหายนะ หลังจากผู้นำทั้งสองปะทะคารมกันในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อหน้าสื่อมวลชนทั่วโลกที่ทำเนียบขาวเกี่ยวกับสงครามกับรัสเซีย
บรรยากาศระหว่างการพูดคุยเป็นไปอย่างเคร่งเครียด โดยประธานาธิบดีทรัมป์ บอกให้ประธานาธิบดียูเครน ทำข้อตกลงกับรัสเซีย เพื่อยุติสงคราม มิฉะนั้นสหรัฐฯ จะเป็นฝ่ายเดินจากไป และยูเครนจะต้องต่อสู้ด้วยตัวเอง
บางช่วง ทรัมป์กล่าวหาประธานาธิบดีเซเลนสกีว่ากำลังเดิมพันชีวิตผู้คนนับล้านและกำลังเดิมพันกับการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3
“คุณกำลังเดิมพันกับชีวิตผู้คนนับล้าน คิดว่าคุณกำลังเดิมพันกับสงครามโลกครั้งที่ 3 คุณกำลังเดิมพันกับสงครามโลกครั้งที่ 3 และสิ่งที่คุณทำอยู่นั้นดูหมิ่นประเทศนี้อย่างมาก ประเทศที่คอยสนับสนุนคุณมากกว่าที่หลายๆ คนบอกว่าพวกเขาควร” ทรัมป์บอก
ขณะที่ประธานาธิบดีเซเลนสกีแย้งว่า ไม่ควรประนีประนอมกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ในการเจรจาข้อตกลงสันติภาพ พร้อมเสริมว่า ปูตินจะไม่มีวันหยุดอยู่แค่นี้ และมีแต่จะเดินหน้าการรุกรานยิ่งขึ้น แต่ทรัมป์ระบุว่า ยูเครนจะต้องให้สัมปทานสหรัฐฯ ในการบรรลุข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย
เซเลนสกีมองว่า การพบกันครั้งนี้เป็นโอกาสในการโน้มน้าวสหรัฐฯ ไม่ให้เข้าข้างปูติน ซึ่งสั่งการรุกรานยูเครนเมื่อ 3 ปีก่อน
ด้าน เจ.ดี. แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเข้าร่วมหารือด้วย เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการทูตเพื่อแก้ไขความขัดแย้งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เซเลนสกีแย้งว่าไม่สามารถไว้วางใจปูตินในการเจรจาใด ๆ ได้ และตั้งข้อสังเกตว่าแวนซ์ไม่เคยไปเยือนยูเครน
เซเลนสกียังท้าทายทรัมป์อย่างเปิดเผยเกี่ยวกับแนวทางไม้อ่อนของเขาที่มีต่อปูติน โดยเรียกร้องให้ทรัมป์ “ไม่ประนีประนอมกับฆาตกร”
หลังการหารือที่เดิมควรเป็นช่วงเวลาแห่งความสามัคคีแต่กลับกลายเป็นการทะเลาะวิวาทต่อหน้าสาธารณชนสิ้นสุดลง ประธานาธิบดีทรัมป์และรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจ.ดี. แวนซ์ ตำหนิเซเลนสกีโดยกล่าวว่าเขาไม่ให้เกียรติ ก่อนจะมีการเชิญให้เซเลนสกีออกจากทำเนียบขาว
ทำให้พิธีลงนามข้อตกลงที่เปิดทางให้สหรัฐฯ ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรแร่ธาตุสำคัญของยูเครน และการแถลงข่าวร่วมกันระหว่างสองผู้นำถูกยกเลิก
ในเวลาต่อมา ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวหาเซเลนสกีไม่เคารพสหรัฐฯ และให้สัมภาษณ์สื่อว่า ผู้นำยูเครนที่เพิ่งปะทะคารมกันก่อนหน้านี้ ดูไม่เหมือนผู้ที่ต้องการสันติภาพ
“ผมได้ตัดสินใจแล้วว่าประธานาธิบดีเซเลนสกีไม่พร้อมสำหรับสันติภาพหากอเมริกาเข้ามาเกี่ยวข้อง เขาสามารถกลับมาได้เมื่อเขาพร้อมสำหรับสันติภาพ” ทรัมป์โพสต์ใน Truth Social
ด้านประธานาธิบดีเซเลนสกียอมรับว่า การปะทะคารมกับทรัมป์ “ไม่ดีนัก” แต่สามารถฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับคืนมาได้
ขณะที่พันธมิตรสำคัญของยูเครนในยุโรป รวมถึง ฝรั่งเศส ต่างออกมาแสดงจุดยืนนับสนุนรัฐบาลเคียฟ หลังการแลกเปลี่ยนที่ไม่ลงรอยในห้องทำงานรูปไข่ โดยผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ระบุว่า ถึงเวลาแล้วที่โลกเสรีต้องการผู้นำคนใหม่
ด้าน พลเอก โอเล็กซานเดอร์ เซียร์สกี ผู้บัญชาการกองทัพยูเครน โพสต์ข้อความทาง Telegram ยืนยันว่า กองกำลังของเขายืนหยัดเคียงข้างเซเลนสกี และยูเครนมีความแข็งแกร่งจากความสามัคคี
นอกจากนี้ยังมีชาวยูเครนรวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจผู้นำของตน แต่ก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ ที่ประเทศต้องพึ่งพาอย่างต่อเนื่อง
เรียบเรียงจาก Reuters