เช้าวันอังคารที่ 11 มีนาคม ตามเวลาท้องถิ่น มีรายงานว่า ยูเครน เปิดฉากส่งโดรนหลายร้อยลำเข้ามาโจมตียังกรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย โดยการโจมตีดังกล่าวส่งผลให้คนงานในโกดังเก็บเนื้อของบริษัท Miratorg ผู้ผลิตเนื้อสัตว์รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของรัสเซีย เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บกว่า 18 ราย โดยผู้บาดเจ็บ 3 ใน 18 รายเป็นเด็ก รวมถึงบ้านเรือนบริเวณที่ถูกโจมตีได้รับความเสียหายหนัก
กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยว่า การโจมตีดังกล่าวทำให้สนามบิน 4 แห่งในกรุงมอสโกต้องหยุดให้บริการชั่วคราว โดยมีโดรนยูเครนถูกยิงตกทั้งหมด 337 ลำ โดยยิงตก 91 ลำในมอสโก และ 126 ลำในเคิร์สก์ ซึ่งยูเครนกำลังถอนกำลังกลับ
การโจมตีดังกล่าว เริ่มต้นขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังจะพบกับคณะผู้แทนยูเครนในซาอุดีอาระเบียเพื่อหาทางยุติสงครามที่ดำเนินมายาวนานกว่า 3 ปี ซึ่งเป็นขณะเดียวกันกับที่กองกำลังรัสเซียพยายามปิดล้อมทหารยูเครนหลายพันนายในภูมิภาคเคิร์สก์ ทางตะวันตกของรัสเซีย
ยูเครน ถูกรัสเซียโจมตีอย่างหนักหลายครั้งตลอดช่วงสงคราม และระบุว่าถูกโจมตีเพิ่มเติมในวันเดียวกันด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลและโดรนกว่า 126 ลำ ซึ่งเป็นผลจากการพยายามตอบโต้ยูเครน โดยรายงานระบุว่า รัสเซียส่งโดรนมาโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน สนามบิน และสถานีเรดาร์เตือนภัยล่วงหน้าหลายรอบ
เซอร์เกย์ โซเบียนิน นายกเทศมนตรีกรุงมอสโก กล่าวว่า กรุงมอสโกมีประชากรอย่างน้อย 21 ล้านคน ประกอบกับพื้นที่โดยรอบ และเป็นหนึ่งในเขตมหานครที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป การโจมตีด้วยโดรนของยูเครนในวันนี้ ถือเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดที่มอสโกเคยเผชิญ
สมาชิกรัฐสภาอาวุโสของรัสเซียเสนอว่า รัสเซียควรตอบโต้การโจมตีนี้ ด้วยการโจมตียูเครนด้วยขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง "โอเรชนิก" ซึ่งมอสโกว์ได้ยิงใส่ยูเครนเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2024 หลังจากสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรอนุญาตให้ยูเครนโจมตีรัสเซียได้ลึกยิ่งขึ้นด้วยขีปนาวุธจากชาติตะวันตก
ด้าน พันเอก อังเดรย์ คาร์ตาโปลอฟ หัวหน้าคณะกรรมการกลาโหมของรัฐสภาและอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวว่า "การตัดสินใจนั้นขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แต่ส่วนตัวคิดว่ามันจะเป็นประโยชน์ และจะไม่ใช่ประโยชน์แค่ของผมคนเดียว" เขากล่าว
ที่มา: Reuters