ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระประมุขศาสนจักรโรมันคาทอลิก เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา คำถามที่เกิดขึ้นในใจของหลายคนคือ ใครจะเป็นพระสันตะปาปาองค์ต่อไป?
คำตอบของคำถามนี้จะรู้ได้ต่อเมื่อการประชุมลับคอนเคลฟ (Conclave) ของคณะพระคาร์ดินัลในโบสถ์น้อยซิสทีนสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าการเลือกพระสันตะปาปาครั้งนี้จะเป็นการเลือกที่คาดเดาได้ยากด้วยเหตุผลหลายประการ
ประการสำคัญที่สุดคือ จากพระคาร์ดินัล 135 องค์ที่เข้าเกณฑ์มีสิทธิเลือกพระสันตะปาปา มีถึง 108 องค์ หรือกว่า 80% ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยพระสันตะปาปาฟรานซิสเอง และจากความพยายามในการปฏิรูปศาสนจักรของพระองค์ ทำให้สัดส่วนเชื้อชาติของพระคาร์ดินัลเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
โดยนี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วาติกันที่พระคาร์ดินัลที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเป็นชาวยุโรป “ไม่ถึงครึ่ง”
โดยจากพระคาร์ดินัล 135 องค์ในปัจจุบัน เป็นชาวยุโรป 53 องค์ เป็นชาวเอเชีย 23 องค์ มาจากละตินอเมริกา 21 องค์ จากแอฟริกา 18 องค์ จากอเมริกาเหนือ 16 องค์ และจากโอเชียเนีย 4 องค์
ในช่วงที่ทรงดำรงตำแหน่ง สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงปฏิรูปองค์ประกอบของคณะพระคาร์ดินัล โดยมีความเป็นตัวแทนของคริสตจักรทั่วโลกมากขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะยุโรปอีกต่อไป
ก่อนหน้านี้ พระองค์ยังทรงทิ้งกฎเกณฑ์เก่า ๆ ที่ว่า บิชอปของสังฆมณฑลบางแห่ง (หลายแห่งในอิตาลี) จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระคาร์ดินัลโดยอัตโนมัติ และได้ทรงแต่งตั้งพระคาร์ดินัลในประเทศที่ไม่เคยมีพระคาร์ดินัลมาก่อน เช่น ตองกา เฮติ และปาปัวนิวกินี ดังนั้นจึงทำให้ยากต่อการคาดเดาว่าพวกเขาจะลงคะแนนเสียงอย่างไร
อย่างไรก็ตาม มีพระคาร์ดินัลเพียงไม่กี่องค์เท่านั้นที่มีทักษะ ประสบการณ์ และบุคลิกภาพที่เหมาะสมกับการดำรงตำแหน่งผู้นำคริสตจักรโรมันคาธอลิก
ความยากอีกประการคือ พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงดำเนินนโยบายในสายปฏิรูป ทำให้ไม่ชัดเจนว่า คณะพระคาร์ดินัลจะต้องการพระสันตะปาปาที่สืบทอดแนวคิดแบบค่อนข้างก้าวหน้าดังกล่าว หรืออยากหวนกลับไปในแนวอนุรักษ์นิยม
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์บางคนมองว่า อนาคตของคริสตจักรอยู่ที่เอเชีย ซึ่งนำไปสู่การคาดเดาว่า พระสันตะปาปาองค์ต่อไปอาจมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือมีกระทั่งบางคนที่คาดว่า พระสันตะปาปาองค์ใหม่อาจมาจากแอฟริกาด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้ จึงกลายเป็นเรื่องยากกว่าที่เคยที่จะคาดเดาว่า ใครจะได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาองค์ต่อไป แต่รายชื่อต่อไปนี้ คือ “ตัวเต็ง” ที่หลายฝ่ายคาดว่า อาจมีโอกาสขึ้นมาเป็นประมุขแห่งศาสนจัรโรมันคาทอลิก
พระคาร์ดินัล เปียโตร ปาโรลิน เลขาธิการแห่งนครรัฐวาติกัน
พระคาร์ดินัลชาวอิตาลี มากด้วยทักษะในการไกล่เกลี่ยและการทูต ดำรงตำแหน่งหมายเลข 2 ในวาติกันมาตั้งแต่ปี 2013 และมีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับคริสตจักรทั่วโลก
พระคาร์ดินัลปาโรลินเคยทำงานในละตินอเมริกาในฐานะตัวแทนของพระสันตะปาปาในเวเนซุเอลา และเข้าร่วมการลงนามในข้อตกลงสันติภาพของโคลอมเบียในปี 2016
เขายังเป็นผู้วางแผนความพยายามของวาติกันในการสร้างความสัมพันธ์กับเวียดนามและการเคลื่อนไหวเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตใหม่กับจีน
อย่างไรก็ดี หากเขาขึ้นเป็นพระสันตะปาปาอาจทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกับรัฐบาลสหรัฐฯ ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ เนื่องจากเขาตำหนิแผนฉนวนกาซาของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะสนับสนุนนโยบายความเปิดกว้างของพระสันตะปาปาฟรานซิส แต่ปาโรลินมีแนวคิดค่อนไปทางอนุรักษ์นิยมมากกว่า
พระคาร์ดินัล มัตเทโอ ซุปปี อัครมุขนายกแห่งโบโลญญา
เป็นอีกหนึ่งพระคาร์ดินัลที่มีทักษะทางการทูตที่แข็งแกร่ง ได้รับการยอมรับจากพระสันตะปาปาฟรานซิสเมื่อเขาขอให้พระคาร์ดินัลผู้นี้เป็นผู้นำภารกิจสันติภาพสำหรับยูเครนในปี 2023
พระคาร์ดินัลชาวอิตาลีผู้นี้เป็นสมาชิกของกลุ่มมนุษยธรรมคาทอลิก Sant’Egidio เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ช่วยไกล่เกลี่ยให้สงครามกลางเมืองในโมซัมบิกยุติลงในปี 1992
เขายังเป็นที่รู้จักในฐานะพระคาร์ดินัลที่มีอัธยาศัยดี จากการเดินทางไปรอบ ๆ โบโลญญาด้วยจักรยาน และเข้าถึงชาวคาทอลิกที่ LGBTQ+
พระคาร์ดินัล หลุยส์ อันโตนิโอ ตาเกล ผู้นำสำนักงานเพื่อการเผยแผ่ศาสนา
พระคาร์ดินัลชาวฟิลิปปินส์ซึ่งมักถูกขนานนามว่า “พระสันตะปาปาฟรานซิสแห่งเอเชีย” เนื่องจากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับภารกิจด้านศาสนาของพระสันตะปาปาฟรานซิส
เป็นเวลาหลายปีที่พระคาร์ดินัลตาเกลเป็นผู้นำฝ่ายการกุศลทั่วโลกของคริสตจักร ในปี 2019 พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงขอให้เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกการเผยแผ่ศาสนาของวาติกัน ซึ่งทำให้เขาทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้นำคริสตจักรในประเทศกำลังพัฒนาหลายแห่ง
หากได้รับเลือก พระคาร์ดินัลตาเกลจะเป็นพระสันตะปาปาชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และฟิลิปปินส์องค์แรก และจะสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลที่เพิ่มมากขึ้นของคริสตจักรในเอเชีย
พระคาร์ดินัล ปาโบล วีร์จิลิโอ ซิองโก เดวิด บิชอปแห่งกาลูกัน
เป็นอีกหนึ่งพระคาร์ดินัลจากฟิลิปปินส์ มีชื่อเสียงเรื่องความกล้าแสดงออกเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม เขาเผชิญกับการขู่ฆ่าและข้อกล่าวหาทางอาญาในบ้านเกิดของเขาในฟิลิปปินส์ หลังจากเทศนาต่อต้านการสังหารในสงครามยาเสพติดในช่วงที่ โรดริโก ดูเตอร์เต ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
พระคาร์ดินัลผู้นี้มีวิสัยทัศน์แบบเดียวกับพระสันตะปาปาฟรานซิส และเคยกล่าวว่า พระสันตะปาปาองค์ต่อไปต้องมุ่งเน้นไปที่การสร้างคริสตจักรที่ “เปิดกว้าง” และเป็นเหมือน “โรงพยาบาลสนามสำหรับผู้บาดเจ็บ”
เช่นเดียวกับตาเกล หากได้รับเลือก เขาจะเป็นพระสันตะปาปาคนแรกจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และฟิลิปปินส์
พระคาร์ดินัล เจอรัลด์ ซีเปรียง ลาครัวซ์ อัครมุขนายกแห่งควิเบก
พระคาร์ดินัลจากแคนาดาศซึ่งมีประสบการณ์ในการชี้นำคริสตจักรในท้องถิ่นในประเทศที่มีอัตราการเป็นฆราวาสสูง
ทักษะความเป็นผู้นำของเขาได้รับการยอมรับจากพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งเลือกให้เขาเป็นสมาชิกสภาพระคาร์ดินัล ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้คำแนะนำแก่พระสันตะปาปาในเรื่องสำคัญ ๆ
อย่างไรก็ตาม ลาครัวซ์เคยเผชิญกับข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศในช่วงทศวรรษ 1980 ซึ่งพระคาร์ดินัลลาครัวซ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างหนักแน่น แต่ภายหลังผู้พิพากษาไม่พบหลักฐานใด ๆ ของการประพฤติมิชอบทางเพศ
พระคาร์ดินัล ฟรีโดลิน อัมโบงโก เบซุนกู อัครมุขนายกแห่งกินชาซา
พระคาร์ดินัลจากดีอาร์คองโก เป็นผู้นำของคริสตจักรท้องถิ่นขนาดใหญ่ที่มีชาวคาทอลิกมากกว่า 7 ล้านคน และเป็นกระบอกเสียงที่ได้รับการยอมรับในประเทศของเขา
พระคาร์ดินัลอัมโบงโกเป็นตัวแทนของคริสตจักรที่กำลังเติบโตในแอฟริกา และสามารถดึงดูดใจพระคาร์ดินัลจากกลุ่มต่าง ๆ ในการประชุมได้
เขายังเป็นผู้ปกป้องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนอย่างแข็งแกร่ง ไม่กลัวที่จะต่อสู้กับผู้นำสงครามและการทุจริต แต่พระคาร์ดินัลแห่งดีอาร์คองโกรายนี้ยังมีจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อการให้พรแก่คู่รักเพศเดียวกัน
พระคาร์ดินัล โจเซฟ โทบิน อัครมุขนายกแห่งนวร์ก
พระคาร์ดินัลโทบินมาจากสหรัฐฯ เป็นบุคคลที่มีจิตใจกว้างขวางและเป็นกันเอง เคยทำงานในกรุงโรมในฐานะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของวาติกันและเป็นผู้นำคณะ Redemptorist ซึ่งเป็นคณะมิชชันนารีที่ทำงานในกว่า 80 ประเทศและเน้นที่คนยากจน
ด้วยประสบการณ์ระดับนานาชาติ ผลงานในวาติกัน และความเป็นผู้นำของชุมชนคาทอลิกในอินเดียแนโพลิสและนวร์ก ทำให้เขาเป็นผู้มีสิทธิเป็นพระสันตะปาปาที่น่าจับตามอง
พระคาร์ดินัลผู้นี้สามารถพูดได้ถึง 5 ภาษา คือภาษาอังกฤษ สเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส และอิตาลี และเคยเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มผู้อพยพที่โดดเด่น
พระคาร์ดินัล โรเบิร์ต พรีโวสต์ ผู้ว่าการเขตปกครองบิชอปของวาติกัน
พระคาร์ดินัลจากสหรัฐฯ ผู้นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำที่มีความสามารถและประสบการณ์สูง ทำหน้าที่สำคัญในฐานะผู้นำสำนักงานที่มีอำนาจในวาติกันสำหรับการแต่งตั้งบิชอป ประเมินผู้สมัคร และเสนอแนะต่อพระสันตะปาปา เขาเกิดที่ชิคาโก ต่อมาได้เป็นผู้นำในตำแหน่งระดับโลก และทำงานในประเทศเปรูเป็นเวลาหลายปี
แม้ว่าผู้เลือกพระสันตะปาปามักจะลังเลที่จะเลือกพระสันตะปาปาจากสหรัฐฯ เนื่องจากอิทธิพลทางการเมืองระดับโลกของอเมริกา แต่ประสบการณ์อันยาวนานของพรีโวสต์ในเปรูอาจช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าวได้
พระคาร์ดินัล ทาร์ซิเซียส อิซาโอะ คิคุชิ อัครมุขนายกแห่งโตเกียว
มิชชันนารีชาวญี่ปุ่นที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำฝ่ายการกุศลของคริสตจักร (คาริตัส) ในปี 2023 คิคุชิรู้จักคริสตจักรทั่วโลกและจะสามารถสานต่อนโยบายของพระสันตะปาปาฟรานซิสได้
คิคุชิใช้เวลาหลายปีในการทำงานในแอฟริกา รวมทั้งเป็นมิชชันนารีในกานาและช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่หลบหนีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดาในปี 1994
ในขณะเดียวกัน เขาก็มีบทบาทสำคัญในคริสตจักรญี่ปุ่นและเป็นที่รู้จักจากจุดยืนต่อต้านอาวุธนิวเคลียร์อย่างแข็งกร้าว
ประสบการณ์ของเขาในประเทศต่าง ๆ อาจถือได้ว่าเป็นข้อได้เปรียบในกลุ่มพระคาร์ดินัลที่มีความหลากหลายมากขึ้นทั่วโลก ในขณะที่ความสามารถในการเป็นผู้นำของเขาได้รับการยอมรับแล้วผ่านการเลือกตั้งให้เป็นผู้นำการประชุมบิชอปญี่ปุ่น คาริตัส และเลขาธิการสหพันธ์การประชุมบิชอปเอเชีย
พระคาร์ดินัล ไมเคิล เชอร์นีย์ ผู้นำสำนักงานยุติธรรมทางสังคมของวาติกัน
เป็นบุตรของผู้อพยพ เขาเกิดในเชโกสโลวาเกีย แต่เติบโตในแคนาดาหลังจากพ่อแม่ของเขาอพยพไปที่นั่นในปี 1948
งานของเขาทำให้เขาเป็นผู้นำสถาบันสิทธิมนุษยชนในเอลซัลวาดอร์และเครือข่าย African Jesuit Aids Network ซึ่งให้การสนับสนุนและการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ทั่วแอฟริกา
ในวาติกัน เขาเป็นผู้รับผิดชอบหลักเกี่ยวกับผู้อพยพ และต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำแผนกที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการพัฒนาของมนุษย์ ถือเป็นพระคาร์ดินัลที่มีทักษะในการจัดองค์กรที่แข็งแกร่งและมีประสบการณ์ระดับโลก
พระคาร์ดินัล คริสโตบัล โลเปซ โรเมโร อัครมุขนายกแห่งกรุงราบัต ประเทศโมรอกโก
พระคาร์ดินัลชาวสเปนผู้นี้เป็นผู้นำคริสตจักรเล็ก ๆ แต่มีชีวิตชีวาในโมรอกโก ซึ่งทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้อพยพ เขาเป็นสมาชิกของคณะนักบวชซาเลเซียน ซึ่งเป็นกลุ่มภายในคริสตจักรที่อุทิศตนเพื่อการศึกษาของเยาวชน และใช้เวลาหลายปีในละตินอเมริกา รวมทั้งปารากวัย
ช่วงเวลาที่เขาอยู่ในโมรอกโกทำให้เขามีความเชี่ยวชาญในการสนทนากับผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม และเขาได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานกับชาวมุสลิม
โรเมโรยังเป็นผู้สนับสนุนกระบวนการปฏิรูปที่เริ่มต้นพระสันตะปาปาฟรานซิส เขายืนกรานว่าคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก “ไม่ใช่องค์กรตะวันตก”
พระคาร์ดินัล ฌอง-โคลด โฮลเลอริช อัครมุขนายกแห่งลักเซมเบิร์ก
ได้รับเสียงชื่นชมจากการประสานงานการประชุมสุดยอดที่สำคัญ 2 ครั้งล่าสุดในวาติกันเกี่ยวกับการปฏิรูปคริสตจักร
พระคาร์ดินัลโฮลเลอริชใช้เวลาหลายปีในการทำงานในญี่ปุ่นและพูดได้หลายภาษาอย่างคล่องแคล่ว รวมทั้งภาษาญี่ปุ่น จึงสามารถดึงดูดใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งจากหลากหลายประเทศได้
พระคาร์ดินัลโฮลเลอริชยังเป็นผู้สนับสนุนการปฏิรูปคริสตจักร เคยทำงานเป็นที่ปรึกษาที่ใกล้ชิดที่สุดคนหนึ่งของพระสันตะปาปาฟรานซิส และดำรงตำแหน่งประธานที่ได้รับการเลือกตั้งของกลุ่มบิชอปในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปเป็นเวลา 5 ปี
พระคาร์ดินัล เปเตอร์ แอร์โด อัครมุขนายกแห่งเอสเตอร์กอม-บูดาเปสต์
เป็นพระคาร์ดินัลจากฮังการีที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นทนายความของคริสตจักร ได้รับการสนับสนุนจากพระคาร์ดินัลฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ต้องการให้พระสันตะปาปาองค์ต่อไปนำคริสตจักรไปในทิศทางที่ต่างจากพระสันตะปาปาฟรานซิส
พระคาร์ดินัลแอร์โดยังเป็นพันธมิตรของ วิกเตอร์ ออร์บัน ประธานาธิบดีฮังการีผู้ขึ้นชื่อเรื่องแนวคิดต่อต้านผู้อพยพ และเคยเสนอแนะว่า การต้อนรับผู้ลี้ภัยเข้ามาในฮังการีจะเท่ากับเป็นการค้ามนุษย์
เรียบเรียงจาก CNN