สำนักข่าวเอพี (AP) โดยอ้างเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ว่า กลุ่มฮูตีในเยเมน ได้ยิงโดรนรีปเปอร์ (Reaper) ของกองทัพสหรัฐฯ ตกไปแล้ว 7 ลำในเวลาไม่ถึง 6 สัปดาห์
โดยโดรนเหล่านี้มีมูลค่าราว 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,000 ล้านบาท) เท่ากับว่าตอนนี้สหรัฐฯ เสียโดรนมูลค่ารวมเกินกว่า 7,000 ล้านเข้าไปแล้ว ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ต้องสูญเสียไปจากปฏิบัติการทางทหารต่อกลุ่มฮูตีที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมระบุว่า ในจำนวนนี้ มีอยู่ 3 ลำที่เพิ่งถูกยิงตกในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ความสามารถของกลุ่มติดอาวุธในการโจมตีอากาศยานไร้คนขับได้รับการยกระดับขึ้นแล้ว โดยสหรัฐฯ สูญเสียโดรนรีปเปอร์ไปในวันที่ 31 มี.ค. และ 3, 9, 13, 18, 19 และ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่เสริมว่า โดรนเหล่านี้ที่ถูกยิงตกกำลังอยู่ระหว่างปฏิบัติการโจมตีหรือเฝ้าระวัง โดยมีทั้งที่ตกลงในน้ำและตกลงพื้น
รายงานนี้เกิดขึ้นหลังสหรัฐฯ ยกระดับการโจมตีกลุ่มฮูตีตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา โฆษกกองบัญชาการกลาง (CENTCOM) เดฟ อีสต์เบิร์น กล่าวเมื่อวันที่ 24 เม.ย. ว่า สหรัฐฯ ได้โจมตีเป้าหมายของกลุ่มฮูตีมากกว่า 800 แห่ง
“การโจมตีเหล่านี้ได้ทำลายศูนย์บัญชาการและศูนย์ควบคุมหลายแห่ง ระบบป้องกันภัยทางอากาศ โรงงานผลิตอาวุธขั้นสูง สถานที่จัดเก็บอาวุธขั้นสูง และสังหารนักรบฮูตีหลายร้อยคน รวมถึงผู้นำฮูตีอีกหลายคน” อีสต์เบิร์นกล่าว
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมอีกรายกล่าวว่า แม้ว่าการยิงของศัตรูอาจเป็นสาเหตุหลักของการสูญเสียโดรนมูลค่ามหาศาล แต่เหตุการณ์ดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน
เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวตั้งข้อสังเกตว่า การโจมตีของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นอาจเพิ่มความเสี่ยงให้กับอากาศยาน แต่สหรัฐฯ จะใช้มาตรการทุกวิถีทางเพื่อปกป้องกองกำลัง อุปกรณ์ และผลประโยชน์ในภูมิภาค
สำหรับโดรนรีปเปอร์เป็นโดรนที่ซับซ้อน สร้างโดย General Atomics ปกติจะบินที่ระดับความสูงมากกว่า 12,000 เมตร
นอกจากการยิงโดรนตกแล้ว กลุ่มฮูตียังยิงขีปนาวุธและโดรนใส่เรือรบของสหรัฐฯ ในทะเลแดงและอ่าวเอเดนอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือความสูญเสียเกิดขึ้นในส่วนนี้
ขณะนี้สหรัฐฯ มีเรือยูเอเอส ทรูแมน พร้อมเรือพิฆาต 2 ลำและเรือลาดตระเวน 1 ลำ ประจำการอยู่ที่ทะเลแดง และมีเรือยูเอสเอส วินสัน พร้อมเรือพิฆาต 2 ลำและเรือลาดตระเวน 1 ลำ ประจำการอยู่ที่อ่าวเอเดน
เรียบเรียงจาก Associated Press